ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สสส.+เครือข่ายอบรมเด็กรู้ภัยเหล้า-บุหรี่-กัญชาผสมอาหาร
17 ธ.ค. 2566

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานสัมมนาเปิดตัวชุดสื่อกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกันจากกัญชาผสมอาหาร และGamification สร้างภูมิคุ้มกันจาก เหล้า บุหรี่ การพนัน สำหรับเด็กวัยอนุบาลและนักเรียนระดับประถมศึกษาโดยนายพิทยา จินาวัฒน์  กรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. กล่าวว่า จากรายงานการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากรไทย ปี 2564 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบอัตราการสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาชนอายุ 15-24 ปี อยู่ที่ 12.7% ลดลงจาก 15.4% ในปี 2560 พบนักสูบหน้าใหม่ที่สูบบุหรี่ไม่เกิน 1 ปี 211,474 คน ในจำนวนนี้ 73.7% เริ่มสูบบุหรี่ช่วงอายุ 15-19 ปี และมีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 78,742 คน คิดเป็น 0.14% ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่มีจำนวน 57 ล้านคน ขณะที่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงปี 2547-2564 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 23.5-29.5% และลดลงเหลือ 20.9% หรือราว 1.9 ล้านคน ในปี 2564 พบการดื่มแล้วขับ 33.06% ทำให้เกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บและเสียชีวิต 25.09% ก่อความรุนแรง 24.7% และเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 17.2% จากสถานการณ์นี้ สสส. จึงมุ่งให้ความสำคัญการป้องกันเด็กและเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ สิ่งเสพติด และอบายมุขอื่น ๆ โดยพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบที่เด็ก ๆ สามารถฝึกสติผ่านการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามวัย เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกเด็กตั้งแต่ปฐมวัย ช่วยปกป้องเด็กจากปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพได้อย่างรอบด้าน

ดร.อัญญมณี บุญซื่อ หัวหน้าโครงการการศึกษานำร่องการพัฒนากิจกรรมพัฒนาจิตสำนึกเพื่อรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงจากกัญชาผสมอาหารสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา กล่าวว่า ได้พัฒนาชุดสื่อกิจกรรม 2 ชุด ได้แก่ 1.ชุดสื่อกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกันจากกัญชาผสมอาหาร กิจกรรมต่อเนื่อง 5 วัน วันที่ 1 สร้างการตระหนักรู้ภัยจากกัญชา วันที่ 2 สร้างการมีความรู้ที่ถูกต้องผ่านเกม วันที่ 3 สอนให้รู้คิดรู้ทัน วันที่ 4 การยอมรับและรักตนเอง วันที่ 5 ส่งต่อความเข้าใจด้วยกิจกรรมสร้างเมืองปลอดภัย จากการนำชุดสื่อทดลองใช้ในโรงเรียนระดับประถมศึกษาในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด 10 โรง ครอบคลุมเด็กนักเรียน 100 คน พบเด็กมีความตระหนักรู้ว่ากัญชามีโทษต่อร่างกาย 91.8%  มีค่านิยมที่ถูกต้องเกี่ยวกับกัญชา 85.9% มีวิธีการแก้ปัญหาหากอยู่ในสถานการณ์ความเสี่ยงจากกัญชา 87.1% เด็กนำความรู้ที่ได้ไปช่วยคนอื่น 87.1% ลดปัญหาความกังวลของครูในเรื่องการขาดความรู้ ขาดกิจกรรม ขาดสื่อการเรียนการสอนเกี่ยวกับกัญชา 87% ทั้งนี้ เตรียมขยายผลผลิตสื่อและจัดอบรมให้ผู้ดูแลเด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กระทรวงมหาดไทย 50 แห่ง และปรับชุดสื่อให้เหมาะกับบริบทนักเรียนไทยมุสลิม โดยกระทรวงมหาดไทยจะนำไปใช้ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเขตพื้นที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 50 แห่ง

ดร.อัญญมณี กล่าวต่อว่า 2.ชุดสื่อกิจกรรมพัฒนาจิตสำนึกเพื่อรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงทางสังคมผ่านระบบออนไลน์แบบ Gamification เป็นนวัตกรรมให้กับครูใช้ออกแบบแผนการสอนเรื่องปัจจัยเสี่ยงครอบคลุมกิจกรรมฝึกการตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยง การไวต่อสถานการณ์ความเสี่ยง การจัดการปัญหาจากความเสี่ยงผ่านกิจกรรมกำกับกาย กำกับใจ กำกับตามกติกาสังคม และการใช้ในวิถีชีวิต โดยนำร่องจัดอบรมการใช้ชุดสื่อกิจกรรมให้ครูระดับอนุบาลถึงประถมศึกษา 50 คน จากโรงเรียน  27 โรงทุกภูมิภาค ครอบคลุมเด็ก 1,500 คน  ผลการทดลองใช้งานพบว่า ครูสามารถนำแนวทางการสร้างแผนการสอนจัดการความเสี่ยงด้วยระบบ Gamification ไปใช้ได้จริง 85% สามารถสร้างทัศนคติใหม่ให้เด็ก ช่วยเรื่องไม่ประมาท รู้จักพอ พึ่งตนเองในการแก้ปัญหาความเครียดในชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งเหล้าและบุหรี่ 88.4% พัฒนาการคิดของเด็กให้รู้จัก ใช้เหตุผลแก้ปัญหาแทนการใช้อารมณ์ความรู้สึก การตัดสินใจวางแผนการเงิน รู้จักสังเกตการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งรอบตัวที่อาจเป็นความเสี่ยง การรู้เท่าทัน ไวต่อสถานการณ์ความเสี่ยง 87.1%  รวมถึงเด็กได้ความรู้ผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่อร่างกาย สังคม และจิตใจ 87.8%

แพทย์เภสัชกรรมไทย ดร.บัญชา สุวรรณธาดา ที่ปรึกษาศูนย์วิจัยโครงการพัฒนาการแพทย์ไทยร่วมสมัย(Contemporary Thai Medicine) มูลนิธิโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี กล่าวว่า ตามตำราปรุงยา (pharmacopoeia) ของแผนไทย ระบุชัดเจนว่าห้ามใช้กัญชาในเด็กวัยปฐมวัย ดังนั้นฝากถึงเยาวชนทุกคนห้ามเสพกัญชาโดยเด็ดขาด เพราะร่างกายของเด็กในวัยปฐมวัยสามารถสร้างแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ในร่างกายได้เอง การได้รับสารเอ็นโดรแคนนาบินอยด์เพิ่มเติมจากที่ร่างกายผลิตได้เอง จะยิ่งสร้างผลเสียกับร่างกาย ในระยะสั้นทำให้ ซึม สับสนวุ่นวาย พูดผิดปกติ ประสาทหลอน เดินไม่ตรง พฤติกรรมรุนแรง ส่วนระยะยาว ทำให้ความจำไม่ดี ความคิดแย่ลง ตัดสินใจควบคุมตนเองได้ลดลง ส่งผลต่อการเรียนตกลง ทั้งนี้ จึงได้พัฒนาคู่มือการใช้ชุดสื่อกิจกรรมการสร้างภูมิคุ้มกันจากกัญชาผสมอาหาร เป็นคู่มือให้แก่ครูได้ใช้สอนเด็กนักเรียนควบคู่ไปกับชุดสื่อกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกันจากกัญชาผสมอาหาร เหล้า และบุหรี่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกัญชา และเป็นเกราะป้องกันให้เด็กเยาวชน

นายโยชิทากะ ฮาชิวะดะ ประธานบริษัท เจเทคโตะ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัท เจเทคโตะฯ ร่วมสนับสนุนการผลิตชุดสื่อเกี่ยวกับกัญชาผสมอาหาร การสร้างความรู้ เพื่อความปลอดภัยต่อเยาวชนในโรงเรียน และร่วมการฝึกอบรมเพื่อป้องกันและช่วยเหลือเด็กจากเหล้า บุหรี่ และกัญชาผสมอาหาร และเตรียมนำชุดสื่อมาขยายผลให้กับทีมครู โรงเรียนในชุมชนใกล้เคียงบริษัท เพื่อให้เด็กเยาวชนสามารถใช้ชีวิตได้ปลอดภัยแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงก็ตาม และหวังว่าความร่วมมือ

แผนไทย ระบุชัดเจนว่าห้ามใช้กัญชาในเด็กวัยปฐมวัย ดังนั้นฝากถึงเยาวชนทุกคนห้ามเสพกัญชาโดยเด็ดขาด เพราะร่างกายของเด็กในวัยปฐมวัยสามารถสร้างแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ในร่างกายได้เอง การได้รับสารเอ็นโดรแคนนาบินอยด์เพิ่มเติมจากที่ร่างกายผลิตได้เอง จะยิ่งสร้างผลเสียกับร่างกาย ในระยะสั้นทำให้ ซึม สับสนวุ่นวาย พูดผิดปกติ ประสาทหลอน เดินไม่ตรง พฤติกรรมรุนแรง ส่วนระยะยาว ทำให้ความจำไม่ดี ความคิดแย่ลง ตัดสินใจควบคุมตนเองได้ลดลง ส่งผลต่อการเรียนตกลง ทั้งนี้ จึงได้พัฒนาคู่มือการใช้ชุดสื่อกิจกรรมการสร้างภูมิคุ้มกันจากกัญชาผสมอาหาร เป็นคู่มือให้แก่ครูได้ใช้สอนเด็กนักเรียนควบคู่ไปกับชุดสื่อกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกันจากกัญชาผสมอาหาร เหล้า และบุหรี่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกัญชา และเป็นเกราะป้องกันให้เด็กเยาวชน

นายโยชิทากะ ฮาชิวะดะ ประธานบริษัท เจเทคโตะ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า บริษัท เจเทคโตะฯ ร่วมสนับสนุนการผลิตชุดสื่อเกี่ยวกับกัญชาผสมอาหาร การสร้างความรู้ เพื่อความปลอดภัยต่อเยาวชนในโรงเรียน และร่วมการฝึกอบรมเพื่อป้องกันและช่วยเหลือเด็กจากเหล้า บุหรี่ และกัญชาผสมอาหาร และเตรียมนำชุดสื่อมาขยายผลให้กับทีมครู โรงเรียนในชุมชนใกล้เคียงบริษัท เพื่อให้เด็กเยาวชนสามารถใช้ชีวิตได้ปลอดภัยแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงก็ตาม และหวังว่าความร่วมมือ

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...