ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์ ย้อนกลับ
หนึ่งทศวรรษของ BRI
23 ก.ย. 2566

โลกของจีน โดย ชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ

หนึ่งทศวรรษของ BRI

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง  แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เสนอข้อริเริ่ม “เศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” และ “เส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่21”  เมื่อ ค.ศ.2013 นั่นคือจุดกำเนิดของ “ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ( Belt and Road Initiative : BRI )  คือพลังที่ส่งผลให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

          BRI ทำให้โลกมีการเชื่อมโยงมากขึ้น ทำให้นับแต่นี้ไป “ภูเขาจะไม่สูงอีก หนทางจะไม่ยาวไกลอีก”ต่อไป   นอกจากนี้ยังนำพาโอกาสการพัฒนาแก่ประเทศและประชาชนที่เข้าร่วม  และBRI ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะระดับสากล ได้ให้แนวคิดการพัฒนาใหม่แก่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก  ผลงานที่เป็นรูปธรรมของBRI ในภูมิภาคนี้คือโครงการรถไฟจีน-ลาว  ที่เปิดให้บริการในปลายปี 2021 และโครงรถไฟความเร็วสูง "จาการ์ตา-บันดุง" ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2023  

          ในงานสัมมนา “หนึ่งทศวรรษของหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง  ร่วมสร้างโชคชะตาร่วมกันเอเชีย-แปซิฟิก” ซึ่งจัดโดยศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน  และศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน  เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 ณ หอประชุมอาคารอเนกประสงค์  สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ  วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร  รศ.ดร.โภคิน พลกุล  นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน  ได้กล่าวในช่วงเวทีเสวนาหัวข้อ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกับปาฏิหาริย์แห่งเอเชีย-แปซิฟิกในยุคสมัยใหม่” สรุปความว่า

          เมื่อจีนเปลี่ยนแปลงเป็น “จีนใหม่”ในปี 1949 นั้นจีนต้องเผชิญกับอะไรและตั้งเป้าหมายไว้อย่างไร  มีหลักการและวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างไร

          เราจะพบว่าตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้  จีนเน้นเรื่องความเท่าเทียม  ความอยู่ดีกินดี  การจะต้องไม่มีคนจน  ในปี 2025 จีนจะต้องพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง  นี่คือเป้าหมายที่จีนวางเอาไว้  ถามว่าเพื่อจะถึงเป้าหมายเขาจะต้องทำอะไรบ้าง

          ประการแรกจีนเป็นคอมมิวนิสต์  เขาใช้ลัทธิมาร์กซ์- เลนินนิสม์  จุดแข็งของจีนคือพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่บริหารประเทศอย่างต่อเนื่องนับแต่ปี 1949 ภายใต้ผู้นำ 5 ท่าน ตั้งแต่เหมา เจ๋อตุง  เติ้ง เสี่ยวผิง  เจียง  เจ๋อหมิน  หู จิ่นเทา  และสี จิ้นผิง   แต่ละท่านได้สร้างคุณูปการมากมาย

          จุดเปลี่ยนสำคัญของจีนคือเมื่อเปลี่ยนแปลงเป็นคอมมิวนิสต์ใหม่ๆมีความยากคือระบบเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร  ช่วงแรกๆจีนทำตามรัสเซีย  ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบปิด  ทำนารวม  ทุกคนเอาของไปไว้กองกลางจากนั้นจึงแบ่งปัน ซึ่งเกิดปัญหามากมาย  คนที่เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจีนเป็นระบบเศรษฐกิจการตลาดคือเติ้ง เสี่ยวผิง  จากนั้นจีนจึงเป็นประเทศแรกของโลกก็ว่าได้ที่บริหารแบบคอมมิวนิสต์แต่อยู่กับระบบเศรษฐกิจแบบการตลาด    ซึ่งโลกที่นำโดยตะวันตกเป็นระบบเศรษฐกิจแบบการตลาด  จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากว่าจะบริหารภายในแบบคอมมิวนิสต์  แต่อยู่กับโลกภายนอกแบบเศรษฐกิจการตลาดอย่างไร  

          ยุคเติ้ง เสี่ยวผิง ทดลองระบบเศรษฐกิจการตลาดที่เซินเจิ้นข้างๆฮ่องกง  เพราะฮ่องกงมีความเจริญ  มีนักธุรกิจนักลงทุนมากมายถ้าดึงนักธุรกิจจากฮ่องกงได้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจการตลาดที่เติบโตได้ในเมืองจีน

          อันดับถัดมาคือการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน  เพราะจีนมองว่าถ้าประเทศที่กว้งใหญ่ไพศาลเชื่อมต่อกันไม่ได้สะดวก “พลัง”ก็จะไม่เกิด  เหมือนเช่นที่สหรัฐอเมริกาก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมทุกมลรัฐ  จีนจึงสร้างถนน  สร้างทางรถไฟ  พัฒนารถไฟความเร็วสูง  สนามบิน  ทำให้พลังที่ซ่อนเร้นอยู่สามารถปลดปล่อยออกมาได้   ก่อให้เกิดการลงทุน การผลิต จนวันนี้จีนกลายเป็น “โรงงานของโลก”ภายในเวลาเพียงประมาณ 40 ปี

          เหตุที่จีนทำได้สำเร็จเพราะ 1. การนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนและผู้นำทั้ง 5 รุ่นที่ผ่านมา  2.จีนมีกองทัพที่ถือว่าเป็นกองทัพของพรรคฯไม่ใช่ของรัฐบาล  พรรคฯคุมกองทัพจึงไม่มีโอกาสที่กองทัพจะมาล้มรัฐบาล  3.เมื่อมีความมั่นคงแข็งแรงตรงจีน  จีนจึงสามารถกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และแนวนโยบายต่างๆได้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด  ไม่ใช่กลับไปกลับมาอย่างรัฐบาลในประเทศอื่นๆ  4.การบริหารของจีนจากรัฐบาลกลางไปสู่รัฐบาลท้องถิ่นจะเชื่อมต่อโดยพรรคฯ

          ทำไมในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาจีนจึงเน้นเรื่อง BRI ? และยังเน้นเรื่องประชาคมโลกที่ร่วมชะตากรรมกันหรือแบ่งปันกัน

          ก็เพราะจีนไม่มีเรือปืนมากมายที่ไปคุมได้ทั่วโลก  จีนยังถูกปิดกั้นทางทะเลจีนใต้ทั้งหมดตั้งแต่เกาหลี ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ลงไปจนถึงอินโดนีเซีย  เป็นผลสืบเนื่องตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

          ปี 2013 ท่านสี จิ้นผิง นำเสนอข้อคิดการเปิดประเทศจีนด้วยเส้นทางสายไหมยุคใหม่  ดังเช่นเส้นทางสายไหมในอดีตที่จีนเคยเชื่อมต่อถึงโรมัน  วิธีการคือที่ไหนต้องทำถนนก็ทำถนน  ที่ไหนต้องทำทางรถไฟก็ทำทางรถไฟ  เส้นทางไหนทำรถไฟความเร็วสูงได้ก็ทำ  ที่สำคัญคือทางเรือก็ต้องมีท่าเรือต่างๆคอยรองรับ  จีนจึงพูดถึงทางสายไหมทางบกและทางทะเล

         เส้นทางสายไหมยุคใหม่นี้หากไปทางตะวันตกคือเชื่อมสู่ยุโรป  หากลงทางใต้ผ่านทะเลจีนใต้  เชื่อมมาทางช่องแคบมะละกาเพื่อไปสู่อินเดียและแอฟริกา  โครงการนี้จีนเรียกว่าความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน  วันนี้จีนจึงมีผู้เข้าร่วมเส้นทางสายไหมมากกว่า 150 ประเทศ  ซึ่งรวมจำนวนประชากรมากกว่า 75% ของโลก รวมGDP เกิน 50% ของโลก

          จีนมองว่าโลกมีอยู่โลกเดียว  สิ่งที่โลกเผชิญอยู่ทุกวันนี้คือ 1.ภัยจากธรรมชาติ อาทิ แผ่นดินไหว  น้ำท่วม  โลกร้อน  โรคระบาด  2.ภัยจากมนุษย์ด้วยกันเอง  สงคราม  การก่อการร้าย  ภัยจากความรวย-ความยากจน  ความเหลื่อมล้ำที่ช่องว่างขยายมากขึ้น จีนจึงมุ่งมั่นเอาชนะความยากจน 

          จีนแสดงให้เห็นว่าต้องเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมกันปกป้องโลกที่อยู่ร่วมกัน  โดยเส้นทางสายไหมจะเป็นตัวเชื่อม  ท่านสี จิ้นผิง เคยกล่าวว่า “ที่ไหนไม่มีสันติภาพ  ที่นั่นจะพัฒนาไม่ได้”  ดังนั้นจะทำอย่างไรให้เกิดสันติภาพ  ทำอย่างไรจะสามารถสร้างทัศนคติเชิงบวกที่มองผู้คนเป็นพี่น้องและแบ่งปัน

          โดยสรุป  1.เราติดต่อกันด้วยBRI ด้วยความเสมอภาพ  ด้วยผลประโยชน์ร่วมกัน  2. ทั้งหมดเพื่อเป้าหมายที่ว่าเราอยู่ร่วมโลกเดียวกัน  เราต้องสร้างสังคมโลกที่ร่วมแบ่งปัน  ร่วมชะตากรรม

          แล้วสถานการณ์ปัจจุบันเอื้อต่อการผลักดันBRIมากแค่ไหน?

          ตอนนี้ทั้งโลกมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ  จีนเองก็มีปัญหาเงินฝืดแต่จีนน่าจะไปได้เพราะมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เข้มแข็ง  มีทิศทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา  แม้จะผิดพลาดก็สามารถปรับตัวได้เร็ว  ดังเช่นการปรับนโยบายเรื่องโควิด  และประกาศเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว 

          BRI คือยุทธศาสตร์ที่วันนี้ไม่ใช่เฉพาะของจีน  แต่ให้ความสำคัญกับประเทศทั่วโลกที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมและได้ประโยชน์จากBRI   ประเทศที่พัฒนาแล้วก็อาจจะได้ประโยชน์บ้าง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...