ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
รัฐมนตรีเกษตรฯ ปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดในพื้นที่กรุงเทพฯ 6 จุด รวม 3 ล้านตัว
01 เม.ย. 2564

รัฐมนตรีเกษตรฯ นำทีมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดในพื้นที่กรุงเทพฯ 6 จุด รวม 3 ล้านตัว ตั้งเป้าฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ สร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานกิจกรรม

ปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด “โครงการฟื้นฟูทรัพยากรพันธุ์ปลาน้ำจืด”พร้อมด้วยดร.ทองเปลวกองจันทร์ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายประยูรอินสกุลรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายมีศักดิ์ภักดีคงอธิบดีกรมประมง ณ โรงเรียนสุเหร่าศาลาแดง เขตหนองจอก กรุงเทพ ว่าจากนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ และคงความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งต้องการคุ้มครองและสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์น้ำเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรประมงน้ำจืดให้เกิดประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงได้ให้ความสำคัญและขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ด้านการส่งเสริมและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยมุ่งหวังที่จะสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสร้างความตระหนักรู้แก่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่ให้เห็นคุณค่าของทรัพยากร ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ จึงได้จัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืด ภายใต้โครงการฟื้นฟูทรัพยากรพันธุ์ปลาน้ำจืด ในวันนี้ จำนวนทั้งสิ้น 3 ล้านตัว ใน 6 จุดพื้นที่กรุงเทพฯ ครอบคลุม 3 เขต ได้แก่ เขตหนองจอก เขตมีนบุรี และเขตลาดกระบัง

"จากการลงพื้นที่เขตหนองจอกที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำให้แก่เกษตรกรและพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีแหล่งน้ำสาธารณะโดยรอบประกอบกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายในการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบของเกษตรกรจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้มอบหมายให้กรมประมงจัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดภายใต้โครงการฟื้นฟูทรัพยากรพันธุ์ปลาน้ำจืดขึ้นในแหล่งน้ำสาธารณะครอบคลุมเขตหนองจอกมีนบุรีและลาดกระบังรวมปล่อยพันธุ์ปลาทั้งสิ้น 3 ล้านตัวเพื่อเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้แก่เกษตรกรและประชาชนในบริเวณนี้รวมทั้งได้ถือโอกาสมาดูเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวและต้องพึ่งพาน้ำในการทำการเกษตรนอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆด้วยอาทิกรมส่งเสริมการเกษตรเข้ามาส่งเสริมเกษตรกรให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยชนิดอื่นเป็นการหมุนเวียนและสร้างรายได้โดยการขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆรวมทั้งศูนย์ AIC ที่กระจายทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัดพร้อมที่จะช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกรด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมและงานวิจัยต่างๆเพื่อขยายผลโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรฯไปสู่เกษตรกรและประชาชนและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรนั่นหมายถึงเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืนนั่นเอง" รัฐมนตรีเกษตรฯกล่าว

ด้านนายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการฟื้นฟูทรัพยากรพันธุ์ปลาน้ำจืด” กำหนดจักขึ้นในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก จำนวน 3 เขต ซึ่งนับเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งอาหารที่สำคัญของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง โดยจะปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดและสนับสนุนพันธุ์ปลาน้ำจืด ให้แก่ชุมชนนำไปปล่อยในแหล่งน้ำสาธารณะบริเวณใกล้เคียงจำนวนรวมทั้งสิ้น 3 ล้านตัว ประกอบด้วย ปลาตะเพียนขาว ปลากระแห ปลากาดำ ปลาตะเพียนทอง และปลาหมอไทย โดยกำหนดจุดปล่อยพร้อมกันจำนวน 6 จุด ดังนี้

จุดที่ 1 : โรงเรียนสุเหร่าศาลาแดง แขวงหนองจอก  เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

จุดที่ 2 : วัดทองสัมฤทธิ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ

จุดที่ 3 : วัดพลมานีย์ แขวงทับยาว  เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

จุดที่ 4 : โรงเรียนวัดทรัพย์สโมสรนิกรเกษม แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

จุดที่ 5 : โรงเรียนนารีราษฎร์ประดิษฐ์ (วัดพระยาปลา) แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

จุดที่ 6 : ถนนคนเดินคลองลำไทร แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

สำหรับการจัดงานในวันนี้นอกจากจะมีการปล่อยพันธุ์ปลาน้ำจืดลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะแล้ว กรมประมงได้จัดพื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมประมงให้คำแนะนำข้อมูลความรู้ทางด้านวิชาการไว้บริการให้แก่ประชาชนที่ร่วมงานสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับเกษตรกรชาวประมง เยาวชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อเป็นการปลูกสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำในพื้นถิ่นของตนเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำสูงสุดด้วย” อธิบดีกรมประมง กล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...