ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
บุญชอบ ล้ออุไร นักประชาสัมพันธ์อาวุโส “ความจริงใจ คือปรัชญาการทำงาน”
18 พ.ย. 2568

           ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันและต่อเนื่องไปถึงอนาคต เป็นเรื่องที่บอกได้เลยว่า “การประชาสัมพันธ์” หรือ Public Relation (PR) ได้กลายเป็นหนึ่งในหัวใจที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ผู้เข้ามาทำหน้าที่ หรือที่เรียกว่า “นักประชาสัมพันธ์” จะต้องทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้แก่องค์กรของตนแล้ว การประสานงานกับสื่อต่างๆ ด้วยไมตรีจิตให้เป็นไปอย่างราบรื่นแล้วยังเป็นศาสตร์ศิลป์ที่ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปัจจุบันหน้าที่ของ “นักประชาสัมพันธ์” ได้ขยายขอบเขตหน้าที่งานออกไปอีกมาก โดยเฉพาะต่อสังคมในวงกว้าง

            อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพูดถึง “นักประชาสัมพันธ์” อปท.นิวส์ก็อยากพาท่านผู้อ่านมารู้จักกับบุคคลผู้หนึ่งที่เมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่ว่าใครก็ตาม หรือสื่อใดก็ตามย่างก้าวเข้าสู่อาณาจักร “กลุ่มเซ็นทรัล” ของตระกูล “จิราธิวัฒน์” ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้าและโรงแรม จะพบเห็นเขาผู้หนึ่งสะพายกล้อง เดินเข้าประสานงาน พูดคุย อำนายความสะดวกอย่างมีไมตรีจิตยิ่ง ต่อทุกผู้คนทั้งสื่อและลูกค้าของกลุ่มเซ็นทรัล และเขาผู้นั้นก็คือ “คุณบุญชอบ ล้ออุไร” ที่กล่าวในวันนี้ได้ว่า เขาคือ “นักประชาสัมพันธ์อาวุโส” ที่ควรค่าแก่การจดจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาผู้นี้ผ่านงานด้านประชาสัมพันธ์มาอย่างโชกโชน ด้วยความอุตสาหะ และไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่แม้แต่น้อยนิด

                วันนี้คุณบุญชอบแม้วัยจะเข้าสู่ 70 ปี (เกิด ปี พ.ศ. 2498) แต่ร่างกายยังดูกระชุ่มกระชวย ยอมออกมาเปิดใจเล่าถึงเรื่องราวชีวิตและปรัชญาการทำงานของเขาให้กับเราฟัง โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันเยาว์ที่บ้านเกิดคือที่จังหวัดลพบุรี มีคุณพ่อเป็นชาวจีนลพบุรี คุณแม่เป็นคนอยุธยา เปิดร้านขายสินค้าประเภทถ้วยชามเซรามิค ชื่อ “ล้ออุไรรุ่งเรือง” ที่ลพบุรีนั่นเองส่วนด้านการศึกษาเริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่ บางปะอิน โดยย้ายมาอยู่กับญาติ ชั้นมัธยมศึกษาก็เรียนที่ โรงเรียนบางปะอินราชานุเคราะห์จนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ

                “เริ่มแรกก็เข้าไปที่ช่างฝีมือแรงงานในแผนกเครื่องกล หลักสูตรระยะสั้น อบรมเสร็จก็ถูกส่งไปทำงานที่โรงงานเป็นพวกช่างกลึง แต่ทำได้ไม่นานก็รู้สึกว่าไม่ใช่ทางของตัวเอง ก็ออกมาร่วมทุนกับเพื่อนออกรถกระบะมารับจ้างส่งของให้กับบริษัทลีเวอร์บราเธอร์ไปตามยี่ปั้วต่างๆ ก็ทำกับเพื่อนพอประมาณสักประมาณบ่ายสามก็หยุด ระหว่างนี้ก็ไปสมัครเรียนวิทยาลัยครูเพชรบุรีที่ประตูน้ำพระอินทร์ ก็เรียนอยู่ 2 ปี ก็จบ ปกศ.ต้น”

คุณบุญชอบ ในวัยเด็กว่า เนื่องจากไม่ได้อยู่กับคุณพ่อโดยตรง ก็ต้องดิ้นรนพอสมควร แล้วก็มองว่าการเข้ามาสส่วนกลางที่กรุงเทพฯ น่าจะมีช่องทางที่ดีกว่าอยู่ที่ลพบุรี คุณพ่อก็เห็นด้วย จึงขวนขวายเข้ามาทำงานและเรียนไปด้วยที่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ที่เล่าให้ฟังว่าได้ลงทุนกับเพื่อรับส่งของ พอจบวิทยาลัยครูก็หยุดงานขนส่ง ก็มีเพื่อมาช่วนไปทำร้านถ่ายรูป ล้างฟิล์มในนาน ซอย 3  ถนนสุขุมวิทฯ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จดีมาก ตอนนั้นก็อยุสักประมาณ 20 กว่า

“จำได้ว่า สมัยนั้นร้านถ่ายรูปล้างฟิล์มก็จะมีแต่ร้านใหญ่ๆ แต่เครื่องล้างฟิล์มจะแพงมากก็ลงทุนไม่ไหวก็ใช้วิธีรับต่อมาส่งอีกที เราก็มีม้าเร็วคอยรับส่งรุกภาพให้กับลูกค้าที่ส่วนใหญ่ขณะนั้นจะเป็นชาวฝรั่ง อย่างพวก UN ที่ไปถ่ายรูปช่วงเขมรแดง ก็มาให้ล้างฟิล์มให้ ก็เยอะมาก แล้วก็มาเริ่มรับงานจากต่างจังหวัดเข้ามาด้วย ผมก็จะทำเหมือนเป็นเซลล์ ตะเวนไปตามร้านต่างๆ รับล้างรูปส่งรถทัวร์ เราก็ไปรับฟิล์มตอนเช้ามาล้างแล้วก็ส่งกลับไป รวมถึงต้องเดินทางไปเก็นเงินตามร้านต่างๆ ด้วย ก็มีเครดิตกันเป็นรายเดือน ไกลถึงพิษณุโลกก็มีลูกค้าก็ต้องเดินทางไป”

 คุณบุญชอบ เล่าว่า ช่วงนี้ก็ไปลงเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วยในสาขารัฐศาสตร์ เพราะเคยตั้งความฝันไว้อย่างเป็นนายอำเภอ ก็ตั้งใจเรียนมากๆ นอกจากนั้น ระหว่างนี้ก็มีเรื่องกรอบรูปวิทยาศสาตร์เข้ามาตลาดเมืองไทย คุณบุญชอบกับเพื่อนก็ร่วมกันเปิดผลิตด้วย โดยไปตั้งโรงงานผลิตอยู่ที่สำโรง ก็ผลิตตามสั่งได้เยอะ ตอนนั้นก็มีคนนงานช่วยทำถึงประมาณ 20 กว่าคน แต่แล้วก็พลิกผัน เมื่อพบว่าตลาดไปได้ด้วยดีแต่เงินปันผลไม่มีเลย ก็เห็นท่าจะไม่ได้แล้ว ตอนนั้นก็หุ้นกันแค่สองคน เห็นไม่ถูกต้อง เหมือนจะโกงกัน ก็บอกเลิกลา ไม่ยุ่งด้วยและก็ไม่หันกลับไปเลย

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เองได้รู้จักกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า ภัทรียา เป็นประชาสัมพันธ์ของโรงแรมเอราวัณ ที่เก่งมาก ก็ชวนมาเป็นช่างภาพ โดยบอกว่าที่โรงแรมไฮแอท เซ็นทรัล ขาดช่างภาพ ก็ให้ไปสมัครก็ได้เลย ก็ถือเป็นรุ่นแรกเลยของโรงแรม ก็อยู่ที่นี่มาทั้งหมด 38 ปี

“ผมก็ไม่นึกนะว่าจะได้มาทำที่นี่ ตอนนั้นก็ได้แต่นั่งรถผ่านก็ยังสงสัยว่าตึกสูงๆ นี่เขาทำอะไร สมัยก่อนก็จะมีทิวสนเต็มไปหมด ก็ทิ้งความฝันที่อยากเป็นเจ้าของกิจการเองไป ก็เข้ามาเป็นลูกจ้างกินเงินเดือน ช่วงนั้น ไฮแอท เซ็นทรัล บูมมาก ลูกค้าเยอะมาก ผมก็ต้องถ่ายรูปตั้งแต่เช้าจดค่ำ ส่วนใหญ่สมัยนั้นก็จะเป็นขาว-ดำ ก็จะอยู่โยงที่โรงแรมเป็นประจำ ทำตลอดเสาร์อาทิตย์ไม่ค่อยได้หยุด”

สมัยก่อนลูกค้ามาใช้บริการจัดงานที่โรงแรมก็อยากออกสื่อหนังสือพิมพ์ข่าวสังคม ผมก็ต้องพยายามอยู่มาก สมัยก่อนส่งล้างฟิล์มกว่าจะได้ก็ 2 วัน ไหนจะต้องเอารูปไปส่งให้สื่อหนังสือพิมพ์ ก็บอกคุณ สุทธิเกียรติ (จิราธิวัฒน์ ) เราน่าจะมีห้องมืดเอง ท่านก็ดีมาก ก็ทำห้องมืดขึ้นมา ผมก็ลงมือเองหมด ไม่ได้จ้างใครเพิ่มอย่างบางครั้งงานวันเกิดของลูกค้า กว่าตัดเค้กเสร็จก็ 4 ทุ่ม ถ่ายเสร็จปุ๊บเราต้องลงไปล้างเลย คุณสุทธิเกียรติ ก็ลงทุนซื้อเครื่องอบแห้งเข้ามาใช้ แล้วก็เครื่องขยายรูป ก็ทำเองหมดเลย เพราะเราเคยผ่านมาแล้วก็ทำได้หมด

คุณบุญชอบ เล่าด้วยว่า ช่วงก่อนจะนิยมมาก PR จะต้องเป็นสาวสวย หน้าตาดีๆ ผู้หญิงทั้งนั้น เราเป็นช่างภาพ จะขึ้นเป็น PR ก็ค่อนข้างยาก แล้วก็ทำมานานแล้ว ก็ให้นึกน้อยใจอยู่เหมือนกันไม่ได้เลื่อนขึ้นสักที ก็เป็นได้อยู้ตำแหน่งเดียวนี่แหละ ช่วงนั้นพอดีมีลูกค้าชาวญี่ปุนคนหนึ่งชวนไปเป็นช่างภาพ พร้อมตำแหน่ง PR Officer ที่โรงแรมแชงกรีล่าแถวแม่น้ำ ก็ตัดสินใจไปสมัคร แต่ก็ทำได้อยู่วันเดียว “คุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์” ก็ตามผมกลับมา

“ตอนเป็นช่างภาพใช่ว่าผมจะถ่ายภาพอย่างเดียวนะ ก็เริ่มศึกษาการเขียนข่าว เขาเขียนกันยังไง เพราะเราก็ไม่ได้เรียนมาทางด้านนิเทศน์ ก็เหมือนกับครูพักรักจำ ก็ศึกษาแนวทางการเขียนข่าว บรรยายภาพต่างๆ จดจำแนวทางการเขียนของแต่ละคอลัมน์ แต่ละหัวหน้าข่าวสายนั้นๆ ซึ่งบางครั้งผมก็ต้องรับหน้าที่ไปส่งข่าวเองแต่เช้าเพื่อแข่งขันกับโรงแรมอื่น ก็ได้มีโอกาสรู้จักนักข่าวนักเขียนชื่อดังหลายคน อย่างไทยรัฐนี่ก็พี่สันติ พี่คัทรียา สมัยก่อนก็ใช้โรเนียว เกินมาผมก็เก็บเอาศึกษาข่าวแบบนี้จะต้องเขียนยังไง อันนี้ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่ง เราก็ต้องอ่านหนังสือพิมพ์ด้วย อย่างหน้า 4 มีแนวเขียนอย่างไร หน้าข่าวไหน มีแนวเขียนยังไง อันนี้ก็เอามาศึกษาด้วย”

คุณบุญชอบ บอกด้วยว่า ขณะนั้นเขามีความคิดการทำ PR ข่าว ไม่น่าจะเฉพาะเจาะจงอยู่ที่หน้าสังคมหรือหน้า 4 เท่านั้น แต่ควรขยายไปยังหน้าอื่นๆ ด้วย เช่นหน้าข่าวศรษฐกิจ หน้าข่าวการศึกษา ฯลฯ คือเราต้องขยาย แล้วต่อมาก็ได้ใช้จริงๆ ก็ต้องดูข่าวไหนไปช่องทางไหน และอีกเรื่องที่ทำ ก็คือ ห้อง Press Room ตอนนั้นไม่มีใครทำ คือห้องให้สำหรับได้ส่งข่าว ก็เป็นคนเริ่มแรก คือให้ความสะดวกนักข่าวไม่ต้องเดินทางไปส่งที่โรงพิมพ์ เป็นการอำนวยความสะดวก ตอนที่ย้ายไปเซ็นทรัล เวิร์ล มีห้องให้นักข่าวส่งข่าวได้ประจำเลยทั้งวันทั้งคืน

“ผมทำที่กลุ่มเซ็นทรัลต่อมาอีกหลายปี ก็คิดขยับขยายอีก ก็ได้รับการทาบทามให้มาอยู่ที่โรงแรม โอเรียล เต็ล ก็ถือว่าดีมาก มาเป็น PR และช่างภาพด้วย แต่ขณะที่กำลังเขียนใบสมัครอยู่ในห้อง HR ของโรงแรมคุณสุทธิเกียรติ โทร.เข้ามาเลย ทำให้ฝ่ายบุคคลของโอเรียลเต็ลก็ไม่กล้ารับเลย ซึ่งก็ไม่รู้ท่านรู้ได้ยังไง ทำให้ ก็ต้องกลับมาที่เซ็นทรัล และก็ได้เลื่อนขึ้นเป็น Assistant PR Manager”

คุณบุญชอบ ยังบอกอีกว่า มีอีกเรื่องที่เขาได้เริ่มทำ คือ Press trip คือขณะนั้น คุณสุทธิเกียรติ คุณสุพัตรา จิราธิวัฒน์ อยากโปรโมทโรงแรมในเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นที่ หาดใหญ่ ภูเก็ต สมุย แม่สอด เพราะว่ามันเงียบ อย่างภูเก็ตตอนนั้นยังไม่แค่เข้าไบริหารคอนโดมิเนียมที่มีแต่ห้องว่างๆ ก็เสนอทำ press trip พานักข่าวไปท่องเที่ยวทำข่าวมั้ย เขาก็บอกว่าค่าใช้จ่ายตั๋วเครื่องบินมันแพงนะ แล้วทำยังไงถึงจะเอาสื่อไปทำข่าวได้ ก็บอกไปว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวทำให้ อย่างที่จำได้ก็พี่หม่อมหลวงตวง สนิทวงศ์ นี่ท่านก็ไปทุก trip ที่ผมจัด คิดถึงมาก ไปกันหลายนคนราว 30 กว่าคนได้ ก็ไปกันได้สนุกสนานมาก แต่ละ trip ก็ต้องมีอะไรๆ พิเศษทำเพื่อให้เกิดความสนุกด้วย อย่างเช่นที่เคยทำคือนักข่าวมาแข่งขันทำอาหารกัน ก็สนุกกันไปอีกแบบ พาไปดูเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่นเรื่องของประมง นักข่าวก็ได้ไปหลายเรื่อง

“ที่ผมภูมิใจมากๆ ที่ทำให้กับโรงแรมเซ็นทราล่า คือการขอพระราขทานองค์ครุฑให้โรงแรม คือก่อนหน้านี้เขาขอมาแล้ว 25 ปี ไม่ได้ แต่ผมทำไม่ถึง 2 ปี ก็ได้มา”

ต่อข้อถามว่า อยู่ที่เซ็นทรัลมากี่ปีและตำแหน่งสุดท้ายคืออะไร คุณบุญชอบบอกว่า เขาอยู่เซ็นทรัลมา 38 ปี โดยตำแหน่งสุดท้ายคือ Director of Mass Communication ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นความลำบากมากกว่าจะมาได้ถึงตำแหน่งนี้ พูดได้ว่า มีคนข้ามผมไปเยอะมากกว่าจะมาถึงจุดนี้

คุณบุญชอบ ยังเผยด้วยว่า ตัวเขาจบปริญญาโทรัฐศาสตร์ รามคำแหงมาด้วยพร้อมคุณสุทธิเกียรติ รุ่นนั้นหลักสูตรพิเศษก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปเรียนกันเยอะ ที่จำได้ก็มี พ.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ คือตอนนั้น คุณสุทธิเกียรติ ชวนลูกน้องที่เป็นผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งไปเรียนเป็นเพื่อน แต่คนนี้เขามีความรู้เยอะ เขาก็ชอบเถียงอาจารย์ คุณสุทธิเกียรติก็เลยแอบมาชวนผมไปเรียนเป็นเพื่อนด้วย ผมก็เอา ก็เลยได้เรียนปริญญาโทมาด้วยกัน

ต่อข้อถามว่า ได้เรียนรู้อะไรมาบ้างจากเป็นนักประชาสัมพันธ์ คุณบุญชอบ บอกว่า ถ้าเรามุ่งมั่นที่จะทำอะไรก็ตาม ก็ต้องทำให้สำเร็จ ต้องมีการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง บ้างอย่างเกิดขึ้นเราไม่ได้ว่าเตรียมการมา อย่างตอนนั้นก็เป็นแค่ช่างภาพ เสร็จแล้วยังไม่รู้จะทำอะไร แต่พอเราอยู่ไป เราก็ได้หนึ่ง พบปะคนเยอะ ทุกชนชั้น ทั้งแบบดีกับบางครั้งก็พบกับคนเห็นแก่ตัวก็มี แล้วเราจะทำยังไง เราก็ต้องเข้าให้ถึง ทั้งลูกค้า เจ้าของ ทั้งสื่อ เข้าให้ถึงว่าความต้องการของเขาคืออะไร แล้วมากน้อยเท่าไหร่ ที่สำคัญเราอย่าไปโกหกเขา ไม่ใช่นักประชาสัมพันธ์จะต้องไปโกหกเขาเรื่อยๆ เปื่อยๆ ได้ก็คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ การประสานงานนี่ต้องเป็นที่หนึ่ง

“สมัยก่อน PR ต้องสวย ฉันมีความรู้ ฉันจะไม่ไปโรแมนติกด้วยอันนี้ก็เรื่องหนึ่ง แต่ความจริงใจนี่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ผมให้ความสำคัญกับสื่อมาก ปกติที่เขาอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ เขาดูแลเราดีมาก ส่งข่าวก็ลงให้ตลอด 80-90% แต่วันหนึ่งเขาเกษียณแล้ว เราก็ต้องดูแล อย่างคุณอาหม่อมตวงนี่เกษียณแล้ว แต่เราก็เชิญตลอด แล้วก็ยังอีกหลายคน เราก็จริงใจ ไปไหนก็ไม่มีใครมาว่าผม มาว่าองค์กรของผม”

คุณบุญชอบ ยังบอกด้วยว่า ปัจจุบันจะมีเรื่อง CSR เข้ามาในข่ายงานของประชาสัมพันธ์ เรื่องนี้ก็ได้ทำมาก่อนแล้ว เช่น แต่ก่อนในวันเกิดของคุณสุทธิเกียรติ วันเกิดคุณอภัสสรา ผมก็ชวนจัดงานเอาวันเด็กไหม เลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วก็เอาพนักงานไปร่วม ดูแลเด็ก สอนเด็ก หรืออย่างที่ศูนย์กากระทำผู้หญิงนี่ เราก็ไป ทำตั้งแต่ก่อนของคุณปวีณาอีก หรือเวลาเราจัด press trip เราก็นำสื่อไปทำ CSR ให้สังคม ยิ่งพอเข้าตลาดหลักทรัพย์อันนี้ก็ยิ่งต้องมี CSR

“ที่ผมทำที่ดีมากๆ คือที่อำเภอซำสูงทำกับผู้ว่าฯ ไกรสร กองฉลาก ผู้ว่าฯ ขอนแก่น ซึ่งตอนนั้นเป็นายอำเภอ ก็ชวนคุณสุทธิเกียรติ ลงไปดู ก็เริ่มแนะนำให้ชาวบ้านปลูกผักไร้สาร แล้วให้ Top รับซื้อ ผมก็ไปฝั่งตัวอยู่ที่นั่นเป็นเดือนๆ เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ เพราะขาย Top ได้ราคาดี ไปจัดตั้งสหกรณ์ ชาวบ้านก็ชอบ แต่ก่อนจะเริ่มทำ ผมก็พานายอำเภอ ผู้นำชุมชน ไปดูที่เขาทำกันแล้วอย่างวังน้ำเขียว เชียงใหม่ โครงการหลวง แล้วก็เข้ากรุงเทพฯ มาดูระบบการขายของ Top แล้วก็พาไปดูในทุกขั้นตอน ก่อนที่จะมาเอามาทำที่ซำสูง”

คุณบุญชอบ บอกต่อไปว่า เรามีการลงทุนสร้างโรงบรรจุผัก เพราะเรื่องพวกนี้ต้องมีกระบวนการล้าง ลงถุง แล้วก็ก็ส่งเข้ากรุงเทพฯ นี่คือสร้างให้เขาล้านกว่าบาท และให้ฟรีเลย นายอำเภอก็ขอบคุณที่ช่วยทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้

เราทิ้งท้ายว่า อยากฝากอะไรให้กับนักประชาสัมพันธ์รุ่นใหม่บ้าง คุณบุณชอบ บอกว่า ปัจจุบันมีการประชาสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ อย่างที่เพิ่มเข้ามาก็มีพวกอินฟลูเอนเซอร์ แต่เสน่ห์ของนักประชาสัมพันธ์ที่เป็นรุ่นเก่าก็มีดีนะ ก็ควรเอาของเขามาใช้บ้าง อย่างเรื่องการจริงใจ เรื่องการ PR ไป ไม่ได้เป็นผลเสียโจมตีคู่แข่ง ไม่ต้องไปบูลลี่เขา อย่างรุ่นใหม่นี่ ทำอะไรแล้วก็รีบไป มันไม่จีรัง ก็ต้องจับหลักให้ดีๆ

“อย่างเรื่องรีวิวอาหารก็ต้องอร่อยจริง ไม่ใช่จะเอาแต่รับตังค์อย่างเดียว อย่างวัยรุ่นสมัยนี้ เวลาเขารีวิวแล้วมีคนไปกินจริงกลับไม่ได้เรื่อง อันนี้ต้องมีความจริงใจ จริงๆ ผมอยากให้ช่วยเหลือร้านที่เขาตั้งใจทำ สมมุติร้านอาหารแหล่งท่องเที่ยว อันนี้เราต้องช่วยเขาหน่อยได้ไหม เธอมีความจริงใจช่วยเขา ช่วยชาวบ้านหน่อย อร่อยคือต้องอร่อย ไม่อร่อยคุณต้องปรับปรุง”

คุณบุญชอบ บอกว่า ตัวเขาเกษียณจากเซ็นทรัล เมื่ออายุราว 65 ปี เพราะก็อยากจะออกมาทำอะไรของตัวเองบ้าง ปัจจุบันก็มีลูกสาว 1 คน ก็ออกมาเปิดบริษัทของตัวเองชื่อ “บริษัท พับลิค ซัคเซส จำกัด” (Public Success) ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานสะอาดที่คุณบุญชอบเห็นว่า เป็นแนวโน้มของโลก โดยมีทั้งการรับติดตั้งโซล่าเซลล์ สถานีชาร์จไฟรถไฟฟ้า และก็ยังไม่ทิ้งประสบการณ์ ด้วยการรับงาน Event ต่างๆ ด้วย

 

อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก 463

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
20 พ.ย. 2568
ความมุ่งมั่นในชีวิตที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ผนวกกับการทำงานอยากชาญฉลาด นับเป็น กุญแจดอกสำคัญที่จะมีผลส่งให้บุคคลที่ยึดมั่นใน สิ่งที่กล่าวถึงนี้ มีเส้นทางชีวิตที่จะก้าวเดินไปสู่ความ สำเร็จได้ไม่มากก็น้อย ดังตัวอย่างจากหลายๆ คน ที่เราเคยได้ยินได้ฟังมา และหนึ่งในบุ...