สวัสดีครับพี่น้องชาวไทยและผู้อ่าน อปท.นิวส์ ทุกท่าน ในฐานะที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการศึกษาการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เท่าทันต่อโลกดิจิทัล ผมขอถือโอกาสนี้อัปเดตสถานการณ์และให้ความรู้สำคัญที่สุดที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือในปี 2569 นี้ครับ
โลกดิจิทัลได้ก้าวข้ามยุคของการแค่ "ใช้" อินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียไปแล้ว เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่แค่เครื่องมือเสริม แต่เป็นเสมือน "เพื่อนร่วมงาน" ที่ฉลาดล้ำซึ่งเข้ามามีบทบาทในทุกอณูของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การทำงาน การศึกษา ไปจนถึงการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ
คำถามสำคัญในต้นปีนี้คือ เมื่อ AI ฉลาดถึงขีดสุด เราจะควบคุมมันอย่างไร ไม่ให้มันควบคุมเรา...? คำตอบคือ เราต้องยกระดับความสามารถในการใช้และการอยู่ร่วมกับ AI หรือที่เรียกว่า AI Literacy ครับ
ดังนั้นผมขอเสนอ 3 กฎเหล็ก สู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่ชาญฉลาดในปี 2569 ที่คนไทยทุกคนต้องมี

กฎเหล็กข้อที่ 1 จากผู้ใช้งาน (User) สู่ผู้กำกับดูแล (Director) โดยความผิดพลาดที่หลายคนมักทำคือ การมอง AI อย่างเช่น Generative AI เป็นเพียงเครื่องจักรที่สามารถสร้างข้อความหรือรูปภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ความจริงคือ AI คือเครื่องมือที่ต้องได้รับการสั่งการและตรวจสอบจากมนุษย์
ซึ่งสิ่งที่เราต้องทำคือ ฝึกทักษะการสั่งการ (Prompting) ขั้นสูง เราต้องเรียนรู้ที่จะมอบหมายงานให้ AI อย่างชัดเจน เจาะจง และละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการที่สุด
และเราต้องเป็นผู้กำกับดูแลที่เข้มงวด เมื่อ AI ส่งผลลัพธ์มาให้ เราต้องสวมบทบาทเป็น "บรรณาธิการ" และ "นักตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact Checker)" อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ AI สร้างขึ้น 100% เพราะ AI ยังสามารถสร้างข้อมูลที่ผิดพลาด (Hallucination) หรือข้อมูลปลอม (Deepfake) ได้อย่างแนบเนียน การตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด
กฎเหล็กข้อที่ 2 AI เป็นเครื่องมือเพิ่มผลิตภาพ ไม่ใช่ทางลัดสู่ความเกียจคร้าน AI มอบโอกาสทองในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ถ้าเราใช้ AI อย่างผิดวิธี ก็จะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของทักษะพื้นฐานของมนุษย์ได้
สิ่งที่เราต้อง คือการทำใช้ AI ในงานเชิงกลยุทธ์ แทนที่จะให้ AI เขียนรายงานทั้งหมด ลองใช้ AI เพื่อสรุปข้อมูลดิบ วิเคราะห์แนวโน้ม หรือระดมความคิดเริ่มต้น (Brainstorming) จากนั้นให้เราซึ่งเป็นมนุษย์ใส่ความเป็นผู้นำ ความเข้าใจในบริบท และการตัดสินใจเชิงจริยธรรมเข้าไป
แต่ต้องระวังภาวะ AI Dependence หากเราใช้ AI ในการคำนวณพื้นฐาน การสะกดคำง่าย ๆ หรือการสรุปเรื่องที่ซับซ้อนเกินไปซ้ำ ๆ จะทำให้ทักษะดั้งเดิมของเราฝ่อลง เหมือนกับคนที่ไม่สามารถเดินทางได้เองเมื่อต้องพึ่งพาแต่ GPS ดังนั้น ต้องรักษาสมดุลและใช้ AI ในการยกระดับทักษะเดิม ไม่ใช่มาทำลายมัน
สำหรับข้าราชการและบุคลากรที่ให้บริการแก่ประชาชน ท่านสามารถใช้ AI ในการร่างข้อความแจ้งประชาชน การจัดหมวดหมู่คำร้องเรียน หรือการวิเคราะห์งบประมาณเบื้องต้น ซึ่งช่วยประหยัดเวลาอันมีค่าในการบริการประชาชนได้มหาศาล
กฎเหล็กข้อที่ 3 เรื่องจริยธรรมและสิทธิส่วนบุคคลในยุค AI แน่นอนเมื่อเราปฏิสัมพันธ์กับ AI อย่างใกล้ชิด ข้อมูลส่วนตัวของเราจะถูกป้อนเข้าสู่ระบบมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรื่อง จริยธรรม และ ความเป็นส่วนตัว สำคัญยิ่งกว่าที่เคย
เราจงเข้าใจว่าข้อมูลคือเชื้อเพลิงของ AI ทุกครั้งที่เราป้อนข้อมูลเข้าสู่ AI Chatbot หรือแพลตฟอร์มใดๆ ข้อมูลนั้นอาจถูกนำไปใช้ในการฝึกฝนโมเดล AI ในอนาคต ดังนั้นต้อง ระมัดระวังอย่างสูงสุด ในการป้อนข้อมูลอ่อนไหว เช่น ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลสุขภาพ หรือข้อมูลลับทางราชการ
ต้องให้ความสำคัญกับการใช้สิทธิภายใต้ PDPA กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เป็นเกราะป้องกันของเรา เราต้องเข้าใจสิทธิในการสอบถาม ตรวจสอบ และขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของเราออกจากระบบต่างๆ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการควบคุม "ตัวตนดิจิทัล" ของเราเอง
ดังนั้นการเรียนรู้คือวัคซีนที่ดีที่สุดในปี 2569 จะเป็นปีที่โลกดิจิทัลมอบทั้งโอกาสและความท้าทายอย่างท่วมท้น การที่เราจะอยู่รอดและเติบโตได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่า เรามีความฉลาดทางดิจิทัล (Digital Intelligence) มากพอที่จะใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นอย่างรู้เท่าทันหรือไม่
ผมขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคน โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันพัฒนาทักษะ AI Literacy นี้อย่างจริงจัง การเรียนรู้และปรับตัวคือ "วัคซีน" ที่ดีที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่งของโลกดิจิทัลครับ