ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ / บทวิเคราะห์ ย้อนกลับ
แม้ในการเมืองแบบก้าวหน้า ชาตินิยม ยังไม่เคยหายไปจากประเทศไทย ?
29 ก.ค. 2568

คอลัมน์ : รอบรั้วสถาบันพระปกเกล้า  โดย : ศูนย์สื่อสารองค์กร

เขียนโดย ภูริภัทร์ เครือนพรัตน์ นักวิชาการ สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า


            จากสถานการณ์ข้อพิพาทที่ประเทศไทยมีกับประเทศกัมพูชา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลายเป็นประเด็นทางการเมือง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มิได้มีท่าทีในการดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชายแดนในช่วงแรกและเกิดกรณีคลิปหลุดตามมา ทำให้เกิดการสร้างความไม่พอใจกับประชาชนในวงกว้าง และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีอย่างดุเดือดเช่นเดียวกัน อนึ่งการเมืองไทย ที่ได้มีการเข้าใจกันว่าเข้าสู่การเมืองยุคก้าวหน้า หลังจากมีปรากฎการณ์ตื่นตัวทางการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และมีการตั้งพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายก้าวหน้าเพื่อเคลื่อนไหวในกลไกรัฐสภา ที่มีการตีความชาติใหม่ ว่าชาติหมายถึงประชาชน แต่ขณะเดียวกัน เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกิดข้อพิพาทด้านดินแดนระหว่างไทย/กัมพูชา ทำให้เกิดแนวหน้าทางการเมืองแบบชาตินิยม ที่อาจเรียกว่า เก่าผสมใหม่ ก็ได้ แบบที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดมาก่อน

            แน่นอนว่าประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นและเกิดผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่ ความไว้ว่างใจต่อนายกรัฐมนตรีจากประชาชนยิ่งต่ำลง เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองไม่ได้ทุเลาลง ซ้ำยังเจอกรณีข้อพิพาทและการมาของคลิปเสียงทำให้นายกและรัฐบาลถูกตีตราว่ายืนอยู่ตรงข้ามกับผลประโยชน์ของชาติ แม้ว่าจะมีการแถลงว่าทำไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติก็ตาม มากกว่านั้นยังตามมาด้วยการถอนตัวของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ที่ก่อนจะออกจากการร่วมรัฐบาล ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และเน้นย้ำเรื่อง “ผลประโยชน์ของชาติ” เป็นสำคัญ อีกทั้งยังได้ให้เหตุผลเรื่องของผลประโยชน์ของชาติเป็นเหตุผลในการลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลอีกด้วย

            เมื่อมามองในมุมของภาคประชาชน เราได้เห็นการออกรายการร่วมกันของอดีตแกนนำคนเสื้อแดง และแกนนำคนเสื้อเหลือง จนไปถึงขั้นขัดการชุมนุมและเป็นแกนนำร่วมกัน และมีความเห็นไปในทางเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อว่าเคยเป็นแกนนำมวลชนที่นำประเทศไทยสู่ความขัดแย้งในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา ที่ทำให้เกิดการศึกษาทางวิชาการมากมาย และทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมืองสูงที่สุดในการเมืองร่วมสมัย นอกจากนี้ ยังมีการออกรายการร่วมกันร่วมกันของอดีตแกนนำพรรคก้าวหน้า กับแกนนำมวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่เห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือแนวทางชาตินิยม ที่ไม่ได้ก้าวพ้นกรอบความคิดชาติ หรือแม้เพียงว่า พูดเพื่อต้องการความนิยม/ผลประโยชน์ทางการเมือง จนมีนักวิชาการฝ่ายก้าวหน้าที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวหน้าต้องออกมาให้ความเห็นว่าจุดยืนของพรรคที่ก้าวหน้านั้น มีความเป็น “ชาตินิยม” เกินไป เนื่องจากให้น้ำหนักกับเรื่องเขตแดนและผลประโยชน์ของชาติมากกว่าสิทธิมนุษยชน ยังไม่นับว่า ผลจาก “นิติสงคราม” ที่พูดกัน ทำให้รัฐบาลอยู่ในสภาพที่ไร้เสถียรภาพ และมีความเห็นเชิงสะใจ ดีใจที่ได้เห็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองถูกตัดสินด้วยกติกาที่เห็นได้น้อยในระบอบประชาธิปไตยสากล ทำให้เห็นว่า “วิธีคิดแบบชาตินิยม” ยังมิได้หายไปไหนในความคิดทางการเมืองท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองไทย แต่อาจซ่อนอยู่ลึก ๆ ในมโนสำนึกทางการเมืองไทย ซึ่งจุดนี้ เราจึงอาจต้องตีความคำว่า “ก้าวหน้า” ที่มีความหมายกำกวมพอ ๆ กับคำว่า “อนุรักษ์นิยม” และ ซ้าย/ขวา กันใหม่หรือไม่ ?

            ที่กล่าวมาทั้งหมด มิได้เป็นการเข้าข้างรัฐบาล โจมตีฝ่ายค้าน หรือนิยมฝ่ายก้าวหน้าหรืออนุรักษ์ เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นถึงการรวมตัวกัน “ข้ามขั้วอุดมการณ์” โดยมีจุดร่วมคือ “ความเป็นชาตินิยม” คำถามคือ การเมืองไทยจะก้าวต่อไปอย่างไรภายใต้ภูมิทัศน์ทางการเมืองแบบนี้ ? หรือการมีจุดร่วมเรื่องชาตินิยมของฝ่ายอนุรักษ์และก้าวหน้าเป็นเรื่องปกติ ? หรือการมีภัยคุกคามจากต่างชาติทำให้ชาตินิยมเป็นเรื่องจำเป็น ? คำถามเหล่านี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์แนวทางการเมืองของประเทศไทยไม่มากก็น้อย

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 กรกฎาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
17 ก.ค. 2568
การแพทย์เป็นหนึ่งในระดับความสำคัญของการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษยชาติ ซึ่งนอกจากตัวนายแพทย์ผู้ทำการรักษาแล้ว อุปกรณ์ทางการแพทย์แน่นอนย่อมมีความสำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งในยุคสมัยใหม่นี้ด้วยแล้ว อุปกรณ์ทางการแพทย์ได้พัฒนาไปได้รวดเร็วยิ่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยเรา...