เหมืองทองในเมียนมาปล่อยสารพิษลง "แม่กก"
ชาวเชียงราย/เชียงใหม่ "หวั่น" ตายผ่อนส่ง
แม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายสำคัญในภาคเหนือขอของประเทศ หล่อเลี้ยงชีวิตของประชาชน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ถือเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและระบบนิเวศที่หลากหลาย หลายเดือนที่ผ่านมา มีรายงานเกี่ยวกับการปนเปื้อนของสารพิษในแม่น้ำกก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพประชาชน และระบบนิเวศโดยรวม เนื่องจากมีสารพิษโลหะหนักปนเปื้อนอยู่ในลำน้ำ
ดูเหมือนเป็นปมปัญหาที่ซับข้อนมากขึ้น เพราะจุดต้นกำเนิดมลพิษไม่ได้เกิดแค่จากกิจกรรมในประเทศไทย แต่มีความเกี่ยวโยงกับเหมืองทองคำในรัฐฉาน เมียนมา ด้านรัฐบาลเองถึงแม้จะไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เหตุใดจึงแก้ที่ปลายเหตุ ปล่อยให้คนในพื้นที่เผชิญกับชะตากรรมที่เสี่ยงอันตรายมากกว่า3 เดือนแล้ว ?
ปัญหามลพิษในลำน้ำแม่กก รัฐบาลโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแลดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ผ่านการจัดประชุมหารือเพื่อติดตามสถานการณ์ และข้อ
เสนอการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 17 หน่วยงาน ซึ่งมีข้อสั่งการให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกความร่วมมือทางการตทูต และการทหาร การใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือในการแก้โขปัญหา โดยประสานประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษที่ก่อให้เกิดปัญหา ให้กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยในการหาแหล่งที่มาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงมหาดไทยจัดหาน้ำอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูล และสร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก พร้อมให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติมนุษย์และสิ่งแวดล้อมการติดตามตรวจสอบสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบการปนเปื้อนในสัตว์น้ำ กระทรวงสาธารณสุขติดตามการสะสมสารปนเปื้อนในร่างกาย
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปา โดยการประปาส่วนภูมิภาคและกรมอนามัย ผลการตรวจสอบสัตว์น้ำโดยกรมประมงพบว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ซึ่งสอดคล้องกับตัวอย่างปัสสาวะของประชาชนที่ไม่พบสารปนเปื้อน
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้โขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดินโดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิงแวดล้อม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวธีรรัตน์สำเร็จวาณิชย์ เป็นรองประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 29 หน่วยงานเป็นอนุกรรมการ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ สภาพปัญหา และสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำ รวมทั้งกำหนดแนวทางแก้โขปัญหา การบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเจรจาระหว่างประเทศเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษภายนอกประเทศ
จากผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำในเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา พบการปนเปื้อนสารหนูเฉพาะลำน้ำแม่กก ส่วนลำน้ำสาขาไม่พบการปนเปื้อน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษได้เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดเพื่อเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเดือนละ 2 ครั้ง และกรมทรัพยากรน้ำเฝ้าระวังพื้นที่ที่มีการปนเปื้อน โดยมีการควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำ และเตรียมพร้อมเครื่องจักรสำหรับการป้องกันการท่วมทะลักเข้าสู่ลำน้ำสาขา
สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่กำลังดำเนินการ โดยใช้กลไกความร่วมมือทางการทูตและการทหารในการเจรจาแก้ไขกับประเทศเพื่อนบ้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประสานกรมกิจการชายแดนทหารสนับสนุนข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อม และภาพถ่ายดาวเทียมจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อสืบหาแหล่งที่มาของการปนเปื้อน
จากการลงพื้นที่ของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1(เชียงใหม) หรือ ศพ.1กับคณะทำงานฯ ระดับอำเภอ ได้ลงไปเก็บตัวอย่าง น้ำในแม่น้ำกก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่เน้นเก็บตัวอย่างในจุดที่ชาวบ้านอยู่อาศัยหรือไข้ประโยชน์ 3 จุด คือบริเวณบ้านแก่งตุ้มห่างจากเขตแดนไทย-เมียนมา 500 เมตร บริเวณสะพาน บ้านท่าตอน ห่างจุดแรก 9 กิโลเมตร และบริเวณผาใต้ ห่างจากสะพานบ้านท่าตอน 10 กิโลเมตร ผลตรวจที่ออกมาระบุว่าไม่พบไซยาไนด์ โดยคาดว่าเป็นเพราะไซยาไนด์อาจสลายตัวเร็วจากการถูกแสงแดดและความร้อนจากอากาศ
ทั้งนี้ ผลตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐานทุกจุดโดยเฉพาะบริเวณแก่งตุ้ม พบสารหนูมีค่า 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร ในขณะที่ค่ามาตรฐานควรพบไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตรเท่านั้น ดังนั้น จึงถือเป็นระดับที่อาจเริ่มมีผลกระทบต่อการสัมผัสหรือนำไปใช้ โดยคนที่สัมผัสสารหนูผิวหนังจะเกิดจุดจุดสีดำ และระคายเคือง นอกจากนั้น ยังอาจอาหารเป็นพิษ หรือหากสัมผัสมากๆ ก็อาจเกิดมะเร็งได้จากผลตรวจและได้ส่งคำเตือนไปถึงประชาขน ทำให้บรรยากาศในช่วงเทศกาลต่างๆ เงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวลดลงมากจนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งตรวจสอบหาสาเหตุของการปนเปื้อน และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) วางมาตรการการป้องกันและฟื้นฟูคุณภาพน้ำ หาแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ได้เฝ้าระวังประเด็นปนเปื้อนสารหนูด้านสุขภาพ ได้โดยตรวจปัสสาวะกลุ่มตัวอย่างเพื่อระวังผลกระทบ ด้านน้ำประปาและน้ำบริโภค โดยสุ่มตรวจน้ำในครัวเรือน กปภ.ยืนยันไม่พบสารในน้ำประปา และด้านสิ่งแวดล้อมและความร่วมมือระดับประเทศ
นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย ย้ำเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกกโดยตรง จนกว่าผลตรวจจะยืนยันว่าไม่พบสารเกินมาตรฐาน ขอให้เฝ้าระวังสุขภาพ และจัดการน้ำอุปโภคบริโภคให้ปลอดภัย เช่น กรองน้ำก่อนใช้
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษตรวจสอบคุณภาพน้ำเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ยังคงพบสารหนู สารตะกั่วในแม่น้ำสายสูงลิ่ว
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุ สถานการณ์สารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงได้มีการนำเข้าที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เบื้องต้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า สารพิษที่ปนเปื้อนมีต้นเหตุมาจากเหมืองแร่ในเมียนมา ทั้งนี้ ได้มีการแต่งตั้งให้กรมควบคุมมลพิษเป็นประธานร่วมกับกรมอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพน้ำว่าหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน พบแม่น้ำฝั่งไทยมีสารพิษปนเปื้อนหลายจุด แต่ไม่ได้เป็นอันตรายในระยะสั้น
อีกทั้งรัฐบาลมีการไปเจรจาไปรัฐบาลเมียนมา ที่ตั้งของเหมืองอยู่ในความดูแลของชนกลุ่มน้อยทำให้การเจรจาค่อนข้างยาก สิ่งที่ดีที่สุดคือ การเตรียมป้องกันโดยทางรัฐบาลเตรียมหาทางป้องกันในฝั่งไทย โดยได้ให้กรมการบินพลเรือนบินสำรวจและให้กรมทรัพยากรน้ำออกแบบเขื่อนที่มีคุณสมบัติกรองสารพิษและดูดตะกอนที่ติดอยู่ จากเขื่อนที่วางไว้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นปัญหาในระยะยาว แต่ขณะนี้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการออกแบบการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เผชิญกับปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษอย่างรุนแรงและการแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้แม่น้ำกกกลับมามีชีวิต และเป็นแหล่งดำเนินชีวิตที่ยั่งยืนของชุมชนอีกครั้ง