ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
กยศ.เปิดปรับโครงสร้างหนี้ ปลดล็อกผู้ค้ำหลุดบังคับคดี
22 ก.พ. 2567

กยศ.เผยผู้กู้เข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วกว่า 5,000 ราย ปลดล็อกผู้ค้ำประกันพ้นความผิดทันที ยืนยันทุกคนจะได้รับสิทธิ์ตามกฎหมาย

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กองทุนฯ ได้เปิดให้ผู้กู้ยืมที่ลงทะเบียนนัดหมายเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2567  ขณะนี้มีผู้กู้ยืมเข้ามาทำสัญญาแล้วกว่า 5,000 ราย ซึ่งหลังทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดทันที โดยกองทุนฯ จะดำเนินการถอนการบังคับคดีผู้ค้ำประกันทุกรายที่ผู้กู้ยืมได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 

ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมที่มีสิทธิ์เข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ได้แก่ ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระทุกกลุ่ม โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้กู้ยืมผ่อนชำระเงินคืนกองทุนฯ เป็นรายเดือนในอัตราเท่ากันทุกเดือน ผู้กู้ยืมต้องชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 ปี และในการชำระเงินงวดสุดท้าย ผู้กู้ยืมต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้น กองทุนฯจะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด

สำหรับการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว กองทุนฯ รีบดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกดำเนินคดีหรือบังคับคดีให้ได้มีโอกาสผ่อนชำระหนี้ตามสัญญาใหม่ และเพื่อปลดภาระผู้ค้ำประกันทุกรายหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว

ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถลงทะเบียนนัดหมายเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ ทางเว็บไซต์ http://www.studentloan.or.th โดยจะเปิดให้เข้ามาทำสัญญาทุกวันไม่เว้นวันหยุด เวลา 09.00 - 20.00 น. และสำหรับผู้กู้ยืมตามจังหวัดต่างๆ กองทุนฯจะทยอยดำเนินการและประกาศให้ทราบผ่านทางเว็บไซต์ กยศ. ต่อไป 

“การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้ผู้กู้หลายแสนคนสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน รวมถึงลดกระบวนการดำเนินคดี/บังคับคดี โดยจะมีเงินกลับเข้ามาที่กองทุนฯอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีเงินหมุนเวียนเพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษา รุ่นน้องต่อไป”

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...