ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บํารุงเมือง จํากัด
18 ก.ค. 2566

สิ่งหนึ่งที่มักเกิดขึ้นเสมอในทุกองค์กรคือปัญหาของการทำงาน ทั้งปัญหาจากระบบหรือปัญหาจากความไม่เข้าใจของบุคลากรด้วยกันเอง ซึ่งหลายๆ ครั้งปัญหาที่แก้ไม่ตกได้กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ทำให้ผลงานขององค์กรนั้นๆออกมาไม่มีประสิทธิภาพ หรืออาจสร้างความเสียหายให้กับองค์กรเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้ต้องมีผู้บริหารที่เข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา พร้อมแก้ไขปัญหาและปรับปรุงองค์กรให้ไปในทิศทางที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

                เพราะในบางครั้งหลายๆ ปัญหาอาจเป็นเพียงเส้นผมบังภูเขาแต่ด้วยความไม่เข้าใจกันขององค์กรอาจทำให้มองไม่เห็นปัญหา หรือบางปัญหาที่ใหญ่และไม่ได้รับการแก้ไขเป็นเวลานาน ทำให้ศักยภาพขององค์กรเริ่มถดถอย ด้วยเหตุนี้ อปท.นิวส์เชิญเป็นแขกฉบับนี้ เลยจะขอนำท่านผู้อ่านมารู้จักกับดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บํารุงเมือง จํากัด หรือ “คุณหนึ่ง”ผู้บริหารหัวกะทิด้านไอที (ITXผู้ถูกขนานนามว่าเป็น “นักแก้ปัญหา”มือฉมัง จนหลายหน่วยงานทาบทามไปช่วยแก้ปัญหาในหลายอุตสาหกรรมมาแล้วทั้งสถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน ธุรกิจโลจิสติกส์

รวมไปถึงเป็นทั้งกรรมการอิสระของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกหลายแห่ง ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและการบริการ อีกทั้งเคยเป็น CEOที่ช่วยฟื้นฟูและสร้างผลกำไรให้กับบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งก่อนหน้าได้ประสบผลประกอบการที่ขาดทุนสะสมมาตลอด และปัจจุบันเป็นCEO ของโรงพยาบาลธนบุรี บํารุงเมือง ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของโรงพยาบาลเพียงไม่กี่คนที่ไม่ใช่แพทย์ ที่ได้มีการประยุกต์ประสบการณ์ทำงานจากหลายอุตสาหกรรมมาพัฒนาโรงพยาบาลสู่ Smart Hospital อีกด้วย

โดยคุณหนึ่งได้เล่าว่า เป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่เกิด คุณพ่อเป็นอาจารย์แพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช ทำให้คุณหนึ่งมีโอกาสซึมซับอาชีพการเป็นหมอของคุณพ่อมาตั้งแต่เด็กว่าการเป็นหมอต้องทำงานอย่างไร เพราะได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปที่โรงพยาบาลต่างๆ เวลาออกตรวจจนทำให้คุณหนึ่งมีความสนใจที่จะเรียนแพทย์ แต่คุณพ่อไม่อยากให้เป็น เนื่องจากอาชีพหมอเป็นอาชีพที่ต้องทุ่มเทมาก เมื่อเป็นแล้ว ต้องดูแลคนป่วยให้ดีที่สุด ถูกตามตีหนึ่งตีสอง เพื่อไปตรวจคนไข้ก็ต้องไป ซึ่งเป็นงานที่เหนื่อยและต้องเสียสละจริงๆ และทำให้มีเวลาให้กับครอบครัวไม่ได้เต็มที่ด้วยเหตุนี้คุณหนึ่งเลยหันไปเลือกเรียนในด้านที่ตัวเองก็ชอบนั่นคือด้านเทคโนโลยี เลยตัดสินใจไปเรียนด้าน IT เป็นจังหวะเดียวกันที่ช่วงนั้นคนเรียนด้านนี้ยังมีน้อยอยู่โดยคุณหนึ่งได้บอกถึงสาเหตุที่เลือกไปเรียนที่ต่างประเทศเอาไว้ว่า

“ผมมีความตั้งใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก โดยผมเรียนได้4.00 มาโดยตลอด ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หก ได้ขอคุณพ่อไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ซึ่งท่านจะให้ไปก็ต่อเมื่อผมเรียนจบมัธยมสามและเรียนได้ที่หนึ่งอยู่ ทำให้เราตั้งใจเรียนและเฝ้ารอ พร้อมเตรียมตัวด้านภาษาและการดูแลตัวเอง เพราะเป็นการอยู่โรงเรียนประจำ ต่างจากที่อยู่ที่ประเทศไทย ที่มีแม่บ้านช่วยดูแลให้เสมอ ขณะที่ไปเรียนที่ต่างประเทศจะต้องดูแลตนเอง”

ด้วยเหตุนี้ทำให้คุณหนึ่งมีโอกาสไปเรียนที่ต่างประเทศตามความตั้งใจโดยสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้าน Computer Science จากประเทศนิวซีแลนด์ในวัย 18 ปี จากนั้นก็กลับมาทำงานที่ประเทศไทยให้กับบริษัท TG Cadabra ซึ่งเป็นบริษัทด้าน IT ที่ร่วมทุนกับบริษัท Cadabra ของนิวซีแลนด์ และบริษัท ไทยยิปซั่ม จากนั้นได้รับทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาโททางด้าน IT และด้านโทรคมนาคมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกทางด้าน IT และ Robotics ที่ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก คุณหนึ่งยังคงทำงานอยู่ที่ประเทศไทย และเดินทางไป-กลับระหว่างไทยและออสเตรเลียทุกสองเดือน โดยเรียนแบบ Part-Time สำเร็จการศึกษาในเวลา 3 ปีครึ่ง (ซึ่งโดยปกติการเรียนปริญญาเอกแบบ Part-Time จะใช้ระยะเวลา 5-7 ปี) การสำเร็จการศึกษาที่เร็วกว่าปกตินี้ ทำให้ประสบการณ์และอายุการทำงานของคุณหนึ่งมีมากกว่าคนวัยเดียวกันราวๆ 4 ปี

หลังจากนั้นคุณหนึ่งได้ทำงานในหลายอุตสาหกรรม มีผลงานได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือได้รับตำแหน่งหน้าที่ใหม่ๆ เข้ามาโดยตลอด อาทิเช่น ด้านการศึกษา เคยดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีและผู้ช่วยอธิการบดีของมหาวิทยาลัยรังสิต ด้านการเงิน เคยดำรงตำแหน่ง SEVP ดูแลด้าน IT ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ด้านโทรคมนาคม เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคมของ กสทช. ด้านโลจิสติกส์ ได้สร้างผลงานในการเข้าไปฟื้นฟูและสร้างผลกำไรเป็นครั้งแรกให้กับ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ภายในเดือนที่ 7 หลังจากที่ได้เข้าไปบริหารในฐานะ CEO

นอกจากนี้ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งบอร์ดบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกหลายแห่ง เช่น บมจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้,บมจ.บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.บลิส-เทล

จากประสบการณ์ที่มีทั้งในแวดวงธุรกิจและการศึกษา ทำให้ ดร.ฐิติพงศ์ ได้รับการติดต่อทาบทามจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ เช่น การท่าเรือแห่งประเทศไทย ไปรษณีย์ไทย เป็นต้น เพื่อนำความรู้ความสามารถเข้าไปช่วยขับเคลื่อนหน่วยงานในฐานะกรรมการ กรรมการตรวจสอบ รวมถึงประธานกรรมการ IT ของทุกแห่งที่ได้รับการแต่งตั้ง จนกระทั่งปี 2559 ดร.ฐิติพงศ์ได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลศิษย์เก่าออสเตรเลียดีเด่นด้านผู้นำแห่งปี 2559 “AUSTRALIAN ALUMNI LEADERSHIP AWARD 2016” จากสถานทูตออสเตรเลีย ร่วมกับหอการค้าออสเตรเลีย-ไทย และสมาคมศิษย์เก่าออสเตรเลีย

ปัจจุบัน คุณหนึ่งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการอาชีพ (Chartered Director) อยู่ในทำเนียบของ Thai Institute of Directors (IOD) และเป็นกรรมการ/อนุกรรมการ ทั้งในองค์กรภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง

“จากความทุ่มเทในการเรียนและทำงานไปพร้อมกันตอนเรียนปริญญาเอก ทำให้มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานไปด้วย

“และไม่ว่าจะทำงานแบบไหน ย่อมเจอปัญหาได้เสมอ เกิดเป็นอุดมคติแนวทางในการทำงานที่มุ่งแก้ปัญหา ทำให้ผมมีการตั้งเป้าหมาย เมื่อเกิดปัญหาผมก็จะไม่รอช้า รีบแก้ไขทันที บางครั้งมีปัญหาใหญ่เข้ามา ผมก็จะไม่ตื่นตระหนก เพราะเหมือนเราผ่านการฝึกฝนมาจนมีภูมิคุ้มกันความเครียดอยู่ระดับหนึ่ง ด้วยแนวคิดการทำงานที่เน้นแก้ปัญหาให้จบ ทำให้ผลงานออกมาเร็ว เลยทำให้ผมได้รับโอกาสโปรโมทตำแหน่งหน้าที่งานอยู่บ่อยๆ ในบางองค์กรที่ผมอยู่เคยอยู่ ผมถูกโปรโมทถึงสามครั้งต่อปีคุณหนึ่ง กล่าวถึงวิธีคิด การรับมือปัญหา ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจ

ดร.ฐิติพงศ์เผยแนวทางบริหารงานอีกว่าการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ส่วนสำคัญคือต้องฟังความเห็นให้รอบด้าน เช่น ปัญหาหนึ่งที่เกิดจากกลุ่มคน 3 – 4 แผนก ต้องฟังให้ครบ เพื่อรับทราบถึงปัญหาที่แท้จริงคืออะไร แต่หากรับฟังจากแค่คนไม่กี่คนอาจจะทำให้ไม่ทราบต้นตอของปัญหาที่แท้จริง นำไปสู่การแก้ปัญหาไม่ตรงจุดหรือผิดพลาดได้

ซึ่งปัจจุบัน ดร.ฐิติพงศ์ ได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่ง CEO ของโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ในเครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ซึ่งถือว่าเป็นCEO ที่ไม่ใช่แพทย์ แต่ได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดให้มาบริหารงานโรงพยาบาลโดยก่อนหน้านี้ ได้รับการโปรโมตตำแหน่งขึ้นมาจาก CEO บริษัท เทเลเฮลท์ แคร์ จำกัด

ถือเป็นโอกาสอันดี ในการนำความรู้และประสบการณ์ที่มีจากวงการต่างๆ เข้ามาประยุกต์ในการขับเคลื่อนธุรกิจเฮลท์แคร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งมีทักษะด้าน IT เป็นอาวุธติดมือ ประจวบเหมาะกับการบริหารโรงพยาบาลปัจจุบัน เน้นการดำเนินการโรงพยาบาลในรูปแบบSmart Hospitalกล่าวคือ เน้นการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสนับสนุนจัดการบริการภายในโรงพยาบาล ลดขั้นตอนการปฏิบัติ

ประกอบกับได้มีคุณพ่อเป็นคุณหมอ ทำให้เข้าใจในการทำงานในวงการนี้ระดับหนึ่งและยังเคยมีโอกาสเป็นบอร์ดโรงแรมระดับ 5 ดาวตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมการ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่บมจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ เลยนำรูปแบบการทำงานของโรงแรม มาปรับเปลี่ยนกลิ่นอายของโรงพยาบาลให้มีลักษณะเหมือนโรงแรมมากขึ้น

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...