ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์ ย้อนกลับ
รอนักท่องเที่ยวจีนกู้โลก
08 พ.ย. 2564

โลกของจีน : โดย ชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ

 รอนักท่องเที่ยวจีนกู้โลก

 

เมื่อจีนพัฒนาภายในประเทศมาถึงระดับหนึ่ง คนจีนมีคุณภาพชีวิตมีรายได้ดีขึ้น รัฐบาลจีนได้ยกระดับนโยบายเปิดสู่ภายนอก ขยายการลงทุนสู่ต่างประเทศเพื่อเชื่อมโลก เปิดโอกาสและส่งเสริมให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อเปิดโลกทัศน์เปิดหูตาให้กว้างไกลขึ้น ให้เด็กจีนไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาตามมหาวิทยาลัยดังๆของโลก ให้พ่อค้าจีนไปทำการค้าการลงทุนกับนานาประเทศ และให้คนจีนทุกระดับชั้นได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในดินแดนต่างๆทั่วโลก

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง นอกจากจะใช้อภิมหาโครงการลงทุน “เส้นทางสายไหมยุคใหม่” หรือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative : BRI ) ในการสร้างความสัมพันธ์กับนานาชาติและขยายอิทธิพลของจีนในด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังใช้ “การส่งออกนักท่องเที่ยวจีน” เป็นแรงดึงดูดความสนใจและความร่วมมือกับนานาชาติด้วย

ในปี 1995 ยุคประธานาธิบดี เจียง เจ๋อหมิน คนจีนออกเดินทางต่างประเทศเพียงแค่ 5 ล้านคน

ปี 2013 ปีแรกที่สี จิ้นผิง เป็นประธานาธิบดี จีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวออกเดินทางต่างประเทศมากที่สุดในโลก 97.3 ล้านคน และครองอันดับ 1 มาต่อเนื่อง เช่นปี 2016 ทำสถิติ 135 ล้านคน ปี 2017 เพิ่มเป็น 142 ล้านคน จนถึงปี 2019 เพิ่มเป็น 167 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวทั่วโลกประมาณ 1,460 ล้านคน  

หากไม่เกิดโรคโควิด-19 เสียก่อน มีการคาดหมายว่า ปี 2030 นักท่องเที่ยวจีนจะก้าวกระโดดถึง 334 ล้านคน

แนวโน้มการท่องเที่ยวต่างประเทศของจีนเคยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.9% ตามกำลังซื้อและสัดส่วนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากความสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีผลให้โครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป จากการศึกษาพบว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางต่างประเทศมีอายุเฉลี่ย 35 ปี เป็นกลุ่มมิลเลนเนียล สูงถึง 80% คนกลุ่มนี้เข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์ มีการค้นหาข้อมูลล่วงหน้าและสามารถเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองโดยไม่ผ่านกรุ๊ปทัวร์

การที่คนจีนนับร้อยล้านคนออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกในแต่ละปีนั้น ย่อมมีผลทางเศรษฐกิจต่อนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่หวังพึ่งพิงรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ

ดูอย่างสหรัฐอเมริกาที่เป็นคู่กัดของจีน ที่ว่าแน่ที่ว่าเก่งที่ว่าแน่ ก็ได้รับผลกระเทือนด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน  เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 2.8% ของจีดีพี คนจีนเคยเดินทางไปเที่ยวสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 3 รองจากอังกฤษและญี่ปุ่น ปี 2019 คนจีนขนเงินไปใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ สูงถึง 3.46 หมื่นล้านดอลลาร์ เฉลี่ย 6,500 ดอลลาร์/คน ในช่วงเวลาเฉลี่ย 12 วัน

ปี 2020 ช่วง 10 เดือนแรก มีคนจีนเดินทางเข้าสหรัฐฯ 2.5 ล้านคน แต่ละปีตลาดท่องเที่ยวของสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ มีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรรมท่องเที่ยวประมาณ 10 ล้านคน

เมื่อโควิด-19 แพร่ระบาดหนักๆ นอกจากการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกจะหยุดชะงักเพราะมาตรการล็อคดาวน์ ปิดประเทศห้ามเข้า-ออกแล้ว ผลที่ตามมาคือ อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกที่พังทลาย โรงแรม รีสอร์ท ศูนย์การประชุมสัมมนา สวนสนุก แหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ ได้รับบาดเจ็บล้มตายไปตามๆ กัน 

ส่วนประเทศไทยเรา จากปี 2014 จนถึง 2019 สามารถประคองตัวมาได้หลังการรัฐประหาร และทหารยังครองอำนาจมาถึงปัจจุบันก็เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ปี 2019 มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคนนำเงินเข้าประเทศ 1.93 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวคือ 20% ของจีดีพี โดยเฉพาะคนจีนที่เดินทางเข้าไทยมากถึง 10.9 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยว 70% เข้ามาทำธุรกิจ 30% สร้างรายได้แก่ประเทศไทย 5.3 แสนล้านบาท

ปี 2020 ที่เกิดโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนแล้วแพร่ระบาดไปทั่วโลก นักท่องเที่ยวต่างชาติหดเหลือ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้แค่ 3.3 แสนล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเหลือแค่ 1.2 ล้านคน สร้างรายได้ 5.9 หมื่นล้านเพียงแค่ต้นปี   จากนั้นก็เงียบสนิท เพราะรัฐบาลจีนสั่งบริษัททัวร์หยุดกิจกรรมนำเที่ยวระหว่างประเทศทั้งเข้าและออกจนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่ 24 มกราคม 2020 กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนได้ออกประกาศด่วนถึงกลุ่มผู้ประกอบการนำเที่ยวในประเทศจีน อ้างคำสั่งของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ให้หยุดการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเร่งด่วน และปกป้องชีวิตประชาชน กระทรวงฯ จึงสั่งให้บริษัทนำเที่ยวทั่วประเทศหยุดดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว หยุดขายตั๋วเครื่องบินและโรงแรม

แม้ต่อมาจีนจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19ได้ และมีการผ่อนคลายจนถึงขั้นส่งเสริมให้คนจีนสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้อีกครั้ง แต่การจัดนำเที่ยวต่างประเทศหรือพาทัวร์เข้าจีนก็ยังไม่ได้รับอนุญาต

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนประกาศว่า จีนได้ระงับการยื่นขอหนังสือเดินทางในปีนี้ โดยไม่ได้ระบุว่า นโยบายดังกล่าว จะได้รับการผ่อนคลายเมื่อใด แต่ให้เหตุผลว่า การยับยั้งการเดินทางที่ไม่เร่งด่วนเป็นเรื่องสำคัญในการควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องทำงาน ศึกษาต่อต่างประเทศ หรือการเดินทางทางธุรกิจ

จีนมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศจีน ได้แก่ การตรวจเชื้อโควิด-19 และการต้องกักกันภาคบังคับระหว่าง 14-21 วัน แม้แต่คนจีนที่เดินทางไปติดต่องานต่างประเทศเมื่อเดินทางกลับก็ยังต้องปฏิบัติมาตรฐานเดียวกัน จึงยังเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ที่คิดจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่พยายามผลักดันการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2021 ฝันว่า จะได้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาช่วยกอบกู้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง จึงวางแผนจะเข้าพบเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้

รัฐมนตรีท่องเที่ยวไทยสั่งการให้สำนักงาน ททท.ในประเทศจีนไปคุยกับหน่วยงานจีน ขอให้สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ไปเจรจากับคู่ค้าเพื่อเตรียมดึงกรุ๊ปทัวร์จีนเดินทางเข้าไทยในต้นปีหน้า เช่น หลังจากจบโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 และเทศกาลตรุษจีน 2022 ด้วยข้อเสนอให้นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยโดยไม่ต้องกักตัว

ทุกประเทศก็คิดแบบเดียวกัน แต่สุดท้ายขึ้นอยู่ที่ท่านผู้นำสูงสุดว่า เมื่อไหร่จะเหมาะสม เมื่อไรที่จีนปลอดภัยจากโควิด และเมื่อไรจีนจะออกมาเล่นบทพระเอกช่วยกอบกู้การท่องเที่ยวของโลก

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...