ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์ ย้อนกลับ
เมิ่ง หว่านโจว จาก “เชลยศึก” สู่ “วีรสตรี”
17 ต.ค. 2564

โลกของจีน : โดย ชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ

เมิ่ง หว่านโจว จาก “เชลยศึก” สู่ “วีรสตรี”

กรณีของ “เมิ่ง หว่านโจว” ผู้บริหารระดับสูงและลูกสาวของประธาน “หัวเว่ย” แบรนด์มือถือชั้นนำและเจ้าของเทคโนโลยีสื่อสารระดับโลก ซึ่งเคยตกเป็นผู้ต้องหาของรัฐบาลวอชิงตันเมื่อปลายปี 2018 แต่ถูกจับกุมโดยรัฐบาลแคนาดา จนกลายเป็นศึก 2 รุม 1 กับรัฐบาลปักกิ่งที่ยืดเยื้อมาเกือบ 3 ปี จนเพิ่งยุติลงเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น

แม้คดีความจะระงับไปแล้ว เมิ่ง หว่านโจว ได้กลับไปนอนบ้านที่เมืองจีนแล้ว แต่ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาก็ใช่จะยุติตาม โดยเฉพาะกับ “แคนาดา” ที่ออกหน้ารับใช้พี่ใหญ่ไปกระตุกหนวดมังกร ย่อมมีผลตามาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง

ตัวต้นเหตุแห่งคดี “เมิ่ง หว่านโจว” ก็คือโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ไม่เพียงแต่ได้พาอเมริกาหลงทางไปลงเหวลึก แต่ยังพาชาวโลกเข้าสู่หายนะไปด้วยกับนโยบาย “America First

ทรัมป์จุดชนวน “สงครามการค้า” กับจีนเมื่อต้นปี 2018 เมื่อหยิบประเด็นการขาดดุลการค้าปีละกว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่า ชาติเอเชีย “ขี้โกง” แล้วชี้นิ้วพุ่งเป้าไปที่ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ซึ่งได้เปรียบการค้าอเมริกามากที่สุด พร้อมกล่าวด้วยว่า สินค้าจีนทุ่มตลาด รัฐบาลจีนให้การอุดหนุนอย่างไม่ถูกกฎหมาย 

ดังนั้น เพื่อปกป้องผู้ผลิตชาวอเมริกัน รัฐบาลวอชิงตันจึงต้องใช้มาตรการภาษีเพื่อต่อต้านการทุ่มตลาดและตอบโต้การอุดหนุนการค้า

สหรัฐอเมริกายุคนี้ นอกจากจะพ่ายแพ้ด้านการค้าแล้ว ยังเพลี่ยงพล้ำด้านเทคโนโลยีจนจีนเริ่มแซงหน้าทรัมป์จึงเปิด “สงครามเทคโนโลยี” ขึ้นบัญชีดำเล่นงาน “หัวเว่ย” บริษัทโทรคมนาคมใหญ่สุดของจีน ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคมไร้สายระบบ 5G  

วอชิงตันได้ส่งสัญญาณให้รัฐบาลแคนาดาภายใต้การบริหารของนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด จับกุม “เมิ่ง หว่านโจว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) และลูกสาวของ "เหริน เจิ้งเฟย" ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2018 ขณะกำลังแวะเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เพื่อเดินทางต่อไปยังเม็กซิโก ตามหมายจับของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรอิหร่าน พร้อมกับขอให้ส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐอเมริกาในฐานะ “ผู้ร้ายข้ามแดน

ในระหว่างนั้น อเมริกาได้เที่ยวหว่านล้อมให้ชาติอื่นๆ ภายใต้อิทธิพลของตน อาทิ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น แคนาดา ฯลฯ ต่อต้านเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ย ด้วยข้ออ้างเพื่อความปลอดภัยด้านความมั่นคง   

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงเมื่อต้นปี 2019 ว่า ได้ฟ้องร้อง หัวเว่ย เทคโนโลยี และ เมิ่ง หว่านโจว รวมทั้งบริษัทในเครืออีก 2 แห่ง รวมทั้งหมด 13 กระทง เกี่ยวกับการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านและพยายามขโมยเทคโนโลยีหุ่นยนต์จาก "ที-โมบาย ยูเอสเอ" ในวอชิงตัน

แน่นอนว่า งานนี้รัฐบาลจีนได้ออกหน้าคัดค้านอย่างแข็งกร้าวว่า อเมริกาเล่นการเมือง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงในช่วงเวลานั้นว่า การฟ้องร้องหัวเว่ยมีแรงจูงใจและการชักใยทางการเมืองอย่างชัดเจน พร้อมเร่งเร้าให้วอชิงตันยกเลิกหมายจับเมิ่ง และขอให้แคนาดาปล่อยตัวทันที ขณะที่บริษัทหัวเว่ยได้ระดมมือกฎหมายขึ้นต่อสู้คดี

จีนตอบโต้รัฐบาลแคนาดาด้วยการจับ นายไมเคิล คอฟริก อดีตนักการทูต และนายไมเคิล สปาวอร์ นักธุรกิจสัญชาติแคนาดา ในข้อหาจารกรรมข้อมูลเช่นกัน    

ในระหว่างการยื้อส่งตัวไปสหรัฐฯ ศาลแคนาดาได้อนุญาตให้เมิ่งได้รับการประกันตัว ภายใต้เงื่อนไขการวางหลักทรัพย์ 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือราว 250 ล้านบาท ต้องสวมกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มี GPS ติดตามตัวได้และยินยอมให้ยึดหนังสือเดินทาง

แม้จะได้รับการประกันตัว แต่เมิ่งต้องสูญเสียอิสรภาพ ถูกกักบริเวณในบ้านพักที่แวนคูเวอร์ด้วยกำไลข้อเท้าเป็นเวลา 1,028 วัน จนกระทั่งถูกถอดออกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2021 หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาได้ถอนคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีนางเมิ่งต่อแคนาดา                 

เชื่อว่า การพลิกท่าทีของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เป็นผลจากการต่อสายตรงคุยกันระหว่างสองผู้นำโลก ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กับ สี จิ้นผิง

เช้าวันที่ 10 กันยายน 2021 สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนได้สนทนาทางโทรศัพท์กับโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และประเด็นอื่นที่เป็นที่สนใจของทั้งสองฝ่าย

ส่วนหนึ่งที่สี จิ้นผิง กล่าวกับผู้นำสหรัฐฯ คือ “ปัจจุบันประชาคมระหว่างประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาร่วมกันมากมาย จีนและสหรัฐอเมริกาควรแสดงวิสัยทัศน์อันกว้างไกล แบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ยืนหยัดที่จะมองไปข้างหน้า ก้าวไปข้างหน้า แสดงความกล้าหาญเชิงกลยุทธ์และทางการเมือง และผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กลับคืนสู่แนวทางที่ถูกต้องในการพัฒนาที่มั่นคงโดยเร็วที่สุด สร้างประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศและประชาชนของทุกประเทศทั่วโลก”

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แม้จะเห็นไม่ต่างจากทรัมป์ในการต้องลดบทบาทจีน แต่มาดของความเป็นสุภาพบุรุษที่มีความสุขุม นุ่มลึก ที่ไม่ควรเอาชนะคะคานด้วยการหาเรื่องรังแกผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ หรืออาจจะพอใจแล้วกับการชะลอการขยายอิทธิพลของหัวเว่ยในยุโรปและอเมริกาในช่วง 3 ปี จึงได้จังหวะลงด้วยการส่งสัญญาณให้กระทรวงยุติธรรมระงับคำร้องขอตัวเมิ่ง

เมิ่ง หว่านโจว บินออกจากแวนคูเวอร์โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำที่รัฐบาลจีนจัดให้ตรงสู่สนามบินนานาชาติเป่าอัน เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ในคืนวันที่ 25 กันยายน ท่ามกลางผู้คนที่แห่แหนมาต้อนรับเธอที่สนามบินแน่นขนัด

ภาพของเมิ่งในชุดเดรสสีแดงสดที่ยืนโบกมือเมื่อประตูเครื่องบินเปิด ก้าวลงบันไดที่ปูด้วยพรมแดงเป็นทางยาว  รับช่อดอกไม้สีแดงและได้กล่าวปราศรัยสั้นๆ ขอบคุณพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประเทศชาติที่ช่วยให้เธอได้รับการปล่อยตัวและกลับบ้าน จบลงด้วยการร่วมร้องเพลง “สรรเสริญมาตุภูมิ

เมิ่ง หว่านโจว จากข้อกล่าวหาผู้ร้ายข้ามแดนและ “เชลยศึก” ของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่กลับบ้านอย่าง “วีรสตรีของจีน” ในฐานะผู้ต่อสู้กับความอยุติธรรมของมหาอำนาจตะวันตก

ภาพและข่าวการกลับบ้านของเมิ่งได้รับการกด Like จากชาวจีนกว่า 400 ล้านคน ในสื่อโซเชียลมีเดีย เทียบกับข่าวนักโทษแคนาดา 2 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวกลับแคนาดาอย่างเงียบเหงา

สำหรับรัฐบาลแคนาดาที่ทำตัวเป็นข้ารับใช้ของรัฐบาลวอชิงตัน วันนี้ได้รับสิ่งตอบแทนจากจีน โดยบริษัทหัวเว่ยได้สั่งปิดศูนย์วิจัยพัฒนา 5G ที่แคนาดาและให้พนักงาน 4,500 คนออกจากงานทันที สั่งรื้อโครงสร้างพื้นฐาน 5G ทั้งหมดในแคนาดา พร้อมปฏิเสธที่จะให้ลิขสิทธิ์ 5G ทำให้แคนาดาถอยหลังกลับไปสู่เทคโนโลยี 4G ที่ล้าสมัย หรือหากจะพัฒนาสู่ 5G ก็ต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก

สุดท้ายที่หัวเว่ยและเมิ่ง หว่านโจว ฝากกลับไปถึงรัฐบาลแคนาดา คือการเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ถูกกักขัง 1,000 วัน คิดเป็นเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือวันละ 1 ล้านดอลลาร์ แค่นั้นเอง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...