ปากเสียงของ
คนท้องถิ่น
เพื่อการพัฒนาประเทศ
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567
หน้าแรก
อปท. นิวส์
เกี่ยวกับอปท. นิวส์
โปรไฟล์ผู้บริหาร
ข่าวสาร
ข่าวเด่น / ไฮไลท์
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์
สังคม / บุคคล
ท้องถิ่นไทย
ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
การเมือง / การปกครอง
อปท.เชิญเป็นแขก
ธรรมาภิบาล
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม
คุณภาพชีวิต
เศรษฐกิจชุมชน
เกษตรนำไทย
สื่อสาร - คมนาคม
ท่องเที่ยว
ข่าววงใน!!!
ปฏิทินข่าว
อปท.นิวส์โพล
ข่าวย้อนหลัง
วิดีโอ
ฉบับย้อนหลัง
สมัครสมาชิก
ติดต่อโฆษณา
ติดต่อเรา
ร่วมงานกับเรา
ท้องถิ่นไทย
ย้อนกลับ
เทศบาลนครขอนแก่นรับบทหนักจัดเก็บกำจัดขยะติดเชื้อวันละกว่า 1,000 กก.
24 ส.ค. 2564
นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่า เทศบาลฯดำเนินการจัดเก็บขยะติดเชื้อเพื่อนำไปกำจัดเฉลี่ยวันละ ประมาณ 300 กิโลกรัม และด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปัจจุบันมี ขยะติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลสนาม ที่มีขยะที่จะต้องดำเนินการกำจัด เฉลี่ยประมาณวันละ 1,000 กิโลกรัม ขณะที่รถจัดเก็บขยะยังมีอยู่เท่าเดิม คือ 1 คัน "ด้วยศักยภาพของเทศบาลในปัจจุบัน ก็ยังพอรับมือได้ แต่หากมีการขยายโรงพยาบาลสนามมากกว่าที่เป็นอยู่ ก็จะเกินขีดความสามารถเพราะทางเทศบาลกำลังดำเนินการประสานหาบริษัทเอกชนมาจัดเก็บขยะเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนี้ได้รับคำตอบว่า บริษัทเอกชนต่างๆที่ติดต่อไป ต่างก็มีงานล้นมือ ทำให้ในตอนนี้เทศบาลจึงแก้ปัญหาโดยการปรึกษากับทางกรมอนามัยว่า วิธีการที่เทศบาลใช้รถขยะทั่วไปจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ซึ่งทางกรมอนามัยก็มาดำเนินการและมาพูดคุยกันแล้วและบอกวิธีการให้ทราบ โดยวิธีการคือใช้รถขยะ ที่มีระบบฝาปิดมิดชิด เนื่องจากว่ารถขยะทั่วไปไม่มีระบบห้องเย็น แต่ความจริงขยะตามครัวเรือน หรือโรงพยาบาลสนาม ขยะติดเชื้อก็จะต่างจากขยะติดเชื้อ ของโรงพยาบาลทั่วไปที่จำเป็นจะต้องมีห้องเย็นเพราะมีจำพวก ชิ้นเนื้อ หรือเลือด ทำให้ต้องมีระบบห้องเย็นเพื่อที่จะได้รักษาอุณหภูมิไม่ให้เน่าเสียมากจนเกินไป" นายธีระศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่น สำหรับขยะติดเชื้อของครัวเรือน และ โรงพยาบาลสนามที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ไม่ได้เป็นลักษณะดังกล่าว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกที่ใช้แล้ว ก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อ ดังนั้นก็สามารถใช้รถขยะทั่วไปให้ดำเนินการได้ แต่ขอให้มีระบบมิดชิด และเมื่อเก็บใส่ถุงแล้วก็ให้พ่นฉีดฆ่าเชื้อ ใส่ถุงแล้วก็นำขึ้นไปในรถนำไปที่ห้องเย็นที่บ้านคำบอนแล้วก็จะมีบริษัทมารับไปกำจัด ซึ่งเป็นสถานที่แยกกำจัดขยะติดเชื้อ จะไม่รวมกับขยะทั่วไป และปัญหาที่พบขณะนี้คือ จำนวนคนเก็บขยะไม่เพียงพอในการจัดเก็บขยะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ ขยะจากบ้านเรือนที่เป็น โฮมไอโซเลชั่นซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน ส่วนโรงแรมที่ปรับมาเป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งในส่วนนี้ก็มีการประสานว่าการรวบรวมขยะติดเชื้อที่ถูกต้องควรจะดำเนินการอย่างไรตามมาตรฐานด้านอนามัย ซึ่งทางโรงพยาบาลสนามทุกแห่งก็รู้วิธีการปฏิบัติดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหามากก็สามารถดำเนินการได้ สำหรับแนวทางในการป้องกันเจ้าหน้าที่ที่ต้องเก็บขยะทุกวันนั้น ทางเทศบาล ได้มีการมอบชุดรวมถึงถุงมือ และมีมาตรการวิธีการดำเนินการ โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกก็คือพนักงานที่เก็บขยะทั่วไปก็มีวิธีการอธิบายและให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ขณะนี้พบว่าคนงานของเทศบาลซึ่งเป็นพนักงานจัดเก็บขยะเฉลี่ยต่อคนจะต้องเก็บขยะต่อคนโดยเฉลี่ย 1.8 ตันต่อคน ซึ่งจะมีปัญหาหากใส่ชุดพีพีอี เก็บขยะ วันละ 1.8 ตัน แต่ปกติถ้าไม่สามารถใส่ได้ก็ต้องมีถุงมือมีรองเท้า ซึ่งทางเทศบาลก็สนับสนุนเต็มที่โดยเฉพาะมาตรฐานตรงนี้ทางหัวหน้างานหัวหน้าฝ่ายก็มีการดูแลอย่างเข้มงวด "สำหรับขยะติดเชื้อค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน ทางเทศบาลเป็นผู้รับผิดชอบ หากเป็นแต่ก่อนขยะติดเชื้อจากสถานประกอบการทั่วไป ก็คิดค่าใช้จ่ายกับสถานประกอบการ แต่พอมีกรณีของโรงพยาบาลสนามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเทศบาลก็ต้องรับผิดชอบไป โดยเฉลี่ยแล้วในหนึ่งวัน จากเดิมวันละ 300 กิโลกรัมก็เพิ่มเป็นวันละ 1,000 กิโลกรัม จะมีค่ากำจัดเพิ่มขึ้นเทศบาลก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นการดูแลซึ่งกันและกันจึงไม่สามารถที่จะไปเรียกร้องกับใครได้"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตรวจประเมินผลงาน ศูนย์เรี...
18 มี.ค. 2567
โรงเรียนบ้านดงประชานุกูล ...
28 มี.ค. 2567
"สวนสัตว์เปิดเขาเขียว" เปิ...
20 มี.ค. 2567
กาญจนบุรี - ที่ปรึกษากฎหมา...
15 มี.ค. 2567
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกา...
31 ม.ค. 2567
“ปศุสัตว์จันทบุรี มอบใบประ...
05 มี.ค. 2567
หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
ฉบับที่ 426 ปักษ์หลัง
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.นิวส์
อปท.เชิญเป็นแขก
ดูทั้งหมด
พลตรีผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ดุสิต จันทยานนท์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...