นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Kick-off โครงการลดการเผาอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานการผลิตพืชในพื้นที่ภาคเหนือ โดยการปรับเปลี่ยนพืชปลูกและเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร” ณ สหกรณ์การเกษตรแม่สรวย จำกัด ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ว่า การแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และการบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ที่มุ่งเน้นการทำ “เกษตรที่โปร่งใส” ควบคู่กับนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อยกระดับสินค้าเกษตรไทยสู่มาตรฐานสากลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบเกษตรคาร์บอนต่ำ
กรมวิชาการเกษตรได้ขับเคลื่อนนโยบาย 3R (Reduce – Reuse – Recycle) เพื่อแก้ไขปัญหาการเผาในภาคการเกษตร โดยส่งเสริมการปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไปสู่พืชมูลค่าสูง เช่น กาแฟ อะโวคาโด มะคาเดเมีย และไม้ผลชนิดอื่น ควบคู่กับการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเพิ่มมูลค่าเป็นไบโอชาร์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพดิน ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช รวมถึงให้การรับรองการผลิตพืชแบบปลอดการเผา (GAP Zero Burning) ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้จากต้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังการเก็บเกี่ยว เพื่อนำมาผลิตเป็นไบโอชาร์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แพร่ และน่าน ครอบคลุมพื้นที่รวม 300 ไร่ มีเป้าหมายปริมาณวัสดุเหลือใช้ประมาณ 100,000–120,000 กิโลกรัม โดยคัดเลือกเกษตรกรที่ยังมีความประสงค์ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พร้อมสนับสนุนทางเลือกในการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ด้วยกระบวนการผลิตไบโอชาร์ เพื่อลดการเผาในพื้นที่โล่ง และเปลี่ยนเป็นการจัดการในพื้นที่จำกัดอย่างเหมาะสม
“เกษตรกรในพื้นที่ให้ความสนใจและต้องการนำแนวทางการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ด้วยไบโอชาร์ไปปรับใช้ในการจัดการแปลงปลูกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดการเผา ลดต้นทุนการผลิต และปรับปรุงคุณภาพดินได้อย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการขับเคลื่อนการลดการเผาในภาคการเกษตร ควบคู่กับการยกระดับการผลิตพืชของประเทศให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”