ผลตรวจสอบคุณภาพน้ำ ปี 2568 คุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งทั่วประเทศ อยู่ในเกณฑ์ดี ร้อยละ 31 อ่าวสะพลี จ.ชุมพร คุณภาพน้ำทะเลดีที่สุด แนวโน้มคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง 10 ปีที่ผ่านมา (2559 – 2568) ค่อนข้างคงที่ คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดินทั่วประเทศ อยู่ในเกณฑ์ดี ร้อยละ 40 แม่น้ำเพชรบุรีตอนบน คุณภาพน้ำดีที่สุด คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน 10 ปีที่ผ่าน มีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย
นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งทั่วประเทศ ปี 2568 จำนวน 210 จุด ครอบคลุมพื้นที่การใช้ประโยชน์ตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเล 6 ประเภท ผลการประเมินดัชนีคุณภาพน้ำทะเล (Marine Water Quality Index; MWQI) พบว่า อยู่ในเกณฑ์ดี ร้อยละ 31 เกณฑ์พอใช้ ร้อยละ 60 เกณฑ์เสื่อมโทรม ร้อยละ 6 และกณฑ์เสื่อมโทรมมาก ร้อยละ 3
โดยพื้นที่ที่มีคุณภาพน้ำทะเลดีที่สุด 10 ลำดับแรก ได้แก่ 1) อ่าวสะพลี จ.ชุมพร 2) อ่าวบ่อม่วง จ.กระบี่ 3) หาดคลองดาว จ.กระบี่ 4) หาดทุ่งวัวแล่น จ.ชุมพร 5) บ้านคลองนิน เกาะลันตา จ.กระบี่ 6) หาดริ้น เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 7) หาดท้ายเหมือง จ.พังงา 8) หาดละไม เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 9) เกาะไก่ จ.กระบี่ และ
10) อ่าวบางสน จ.ชุมพร
ขณะที่พื้นที่ที่มีคุณภาพน้ำทะเลเสื่อมโทรมมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ปากแม่น้ำเจ้าพระยา
จ.สมุทรปราการ 2) ปากคลอง 12 ธันวา จ.สมุทรปราการ 3) โรงงานฟอกย้อม กม.35 จ.สมุทรปราการ
3) บางขุนทียน กรุงเทพมหานคร และ 5) ปากแม่น้ำท่าจีน จ.สมุทรสาคร
_250315_4.jpg)
แนวโน้มคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา (2559 – 2568) ค่อนข้างคงที่ โดยพื้นที่ฝั่งอันดามันยังคงมีคุณภาพดีที่สุด ขณะที่ปัญหาหลักที่พบคือ สารอาหารและแบคทีเรียสูง ซึ่งสารอาหารที่สูงขึ้นอาจกระตุ้นให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีได้บ่อยขึ้น
สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำสำคัญทั่วประเทศ จำนวน 363 จุดตรวจวัด ครอบคลุมแหล่งน้ำสายหลัก 59 แหล่งน้ำ และแหล่งน้ำนิ่ง 6 แหล่งน้ำ ปี 2568 (จากผลการตรวจวัดจำนวน 3 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม - กันยายน 2568) พบว่า มีผลการประเมินดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index; WQI) อยู่ในเกณฑ์ดี ร้อยละ 40 เกณฑ์พอใช้ ร้อยละ 46 และเกณฑ์เสื่อมโทรม ร้อยละ 14 โดยไม่พบแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก
ผลการจัดอันดับแหล่งน้ำผิวดินที่มีคุณภาพน้ำดีที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1) แม่น้ำเพชรบุรีตอนบน
2) แม่น้ำตาปีตอนบน 3) แม่น้ำอูน 4) ทะเลสาบหนองหาร 5) แม่น้ำพุมดวง 6) แม่น้ำสงคราม 7) แม่น้ำแควน้อย 8) แม่น้ำหลังสวนตอนบน 9) แม่น้ำเลย และ 10) แม่น้ำพอง
จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดินของประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2559–2568) พบว่า โดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย โดยแหล่งน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ถึงดี และไม่พบแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการเฝ้าระวัง ฟื้นฟู และบริหารจัดการคุณภาพน้ำของประเทศอันเป็นผลจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
นายสุรินทร์ กล่าวว่า คพ. ยังคงให้ความสำคัญกับการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผน การกำหนดมาตรการ และการสนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพน้ำทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ ควบคู่กับการส่งเสริมความร่วมมือจากประชาชน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในการดูแลรักษาแหล่งน้ำสาธารณะ การจัดการน้ำเสียอย่างเหมาะสม และการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่า
คพ. ขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากรและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสมและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อคุณภาพน้ำทั้งน้ำผิวดินและน้ำทะเลในระยะยาว เพื่อร่วมกันยกระดับและรักษาคุณภาพแหล่งน้ำของประเทศให้มีความเหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ และเกิดความยั่งยืนต่อไป นายสุรินทร์ กล่าว