ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
กาญจนบุรี/// คุณภาพอากาศปานกลาง ฝุ่น PM2.5 มีค่า 27.2 มคก/ลบ.ม.ไร้จุด HOSPOT ด้าน มท.3 ประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่น (PM2.5) ภาคกลาง
09 ธ.ค. 2568

 เตรียมพร้อมรับมือมาตรการจัดการฝุ่นทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแจ้งเตือนค่าฝุ่นวิกฤติผ่าน Cell Broadcast ในทันที

วันนี้ 9 ธ.ค. 68 นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า วันนี้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ได้รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ ฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 โดยสถานีตรวจวัด ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบดัชนีคุณภาพอากาศ อยู่ที่ 59 AQI คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีค่า 27.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร  ไม่พบจุดความร้อน (HOSPOT) 

ในครั้งร่วมประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคกลาง ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ห้องประชุม 1 ปภ. อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมฯ พร้อมด้วย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมควบคุมมลพิษ ผู้บริหารปภ. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 52 จังหวัด ร่วมประชุม

ที่ประชุมนายศักดิ์ดา กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นในหลายพื้นที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็นวงกว้าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงมีข้อห่วงใยในสุขภาพพี่น้องประชาชน และสั่งการให้มีดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นอย่างเร่งด่วนร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ ตลอดจนเน้นย้ำมาตรการป้องกัน แก้ไขปัญหาในทุกมิติอย่างเข้มข้น จริงจัง ต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน
 
สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ จะต้องมีการยกระดับการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นให้รวดเร็วและทั่วถึง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต้องบูรณาการข้อมูลร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุนิยมวิทยา และ GISTDA เพื่อเฝ้าระวังและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าค่าฝุ่นละอองอยู่ในระดับอันตราย ให้ดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนผ่านระบบ Cell Broadcast ในทันที เพื่อให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และแนวทางปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัยได้ทันท่วงที

นอกจากนี้นายศักดิ์ดา ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยกระดับการปฏิบัติการโดยใช้ระบบศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Single Command เข้าควบคุมสถานการณ์ อำนวยการ และสั่งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มากไปกว่านั้นจะต้องใช้กลไกท้องถิ่น ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข เดินเท้า "เคาะประตูบ้าน" เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจและป้องปรามการลักลอบเผาขยะหรือเศษวัสดุทางการเกษตร รวมถึงให้เข้มงวดการตรวจสอบควันดำ การก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่เมือง โดยต้องมีการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การบริหารจัดการฝุ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่เป็นปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบเชื่อมโยงถึงกันในวงกว้าง ครอบคลุมหลายจังหวัดและคาบเกี่ยวในแต่ละภูมิภาค การเกิดจุดความร้อนหรือการเผาในจุดหนึ่ง ย่อมส่งผลต่อคุณภาพอากาศของพื้นที่ใกล้เคียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจึงไม่สามารถต่างคนต่างทำได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือและการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างจังหวัด เพื่อให้การบริหารจัดการและรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ลดการเกิดฝุ่นละอองที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนมากที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า มอบหมายให้ นายมานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนควบคุมไฟป่า เข้าร่วมการประชุม ตามระเบียบวาระที่ 4 การติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามมาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่นขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2569 ในพื้นที่ภาคกลาง หัวข้อ การดำเนินมาตรการเพื่อควบคุมและลดการเผาในพื้นที่ป่า

โดยนายมานะ เพิ่มพูล ได้นำเสนอข้อมูลการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก สาระสำคัญคือ ลักษณะสภาพป่า (เชื้อเพลิง) ในพื้นที่มีระดับอันตรายจากไฟ (Fire Danger Rating System: FDRS) อยู่ในระดับต่ำ – ปานกลาง

โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 22 พ.ย. - 7 ธ.ค. 68) พบ Hotspot ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 2 จุด ซึ่งเกิดในพื้นที่ทำกินของราษฎร และกรมอุทยานฯได้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ปี 2569 (ขั้นเตรียมการก่อนเข้าสู่ฤดูไฟป่า) ทั้งการจัดตั้งศูนย์สั่งการฯในทุกระดับ การเข้าชี้แจงกับผู้ว่าราชการจังหวัด การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “เคาะประตูบ้าน” การเตรียมการจ้างราษฎรประจำจุดเฝ้าระวัง และการเตรียมความพร้อมและพัฒนาบุคคลกรดับไฟป่าโดยการจัดฝึก อบรมเสริมสมรรถนะชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า (เสือไฟ)

โดยนายศักดิ์ดา  วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย ประธานในที่ประชุม ได้ให้ข้อสั่งการประเด็นการควบคุมและลดการเผาในพื้นที่ป่า โดยเน้นย้ำให้กระทรวงทรัพยากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการดังนี้
1. กำชับหน่วยงานในพื้นที่ (สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้) เฝ้าระวังและควบคุมการเผาในพื้นที่ป่าอย่างเข้มงวด บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ฝ่าฝืนโดยเคร่งครัด
2. จัดกำลังลาดตระเวนพื้นที่ อย่างต่อเนื่อง 3. จัดทำแนวกันไฟ ป้องกันไฟป่าลุกลาม และ 4. ปิดป่าในช่วงสถานการณ์วิกฤต
   ///////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 ธันวาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ธ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่า การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มั่นคง หัวใจสำคัญด้านหนึ่งต้อง มาจากฐานราก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง ซึ่งประเทศไทยเราเอง ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับโดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดศักราชใหม่ให้กับการกระจายอำนาจลงสู่...