ขณะที่ชาวบ้านบางรายมีอาการเครียดจนถึงขั้นเป็นประสาท ไม่อยากหนีอีกแล้ว ขอทหารจัดให้จบ รบเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว หอประชุมอำเภอน้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ซึ่ง นายศดิศ ณิชกุล นายอำเภอน้ำเกลี้ยง ได้ทำการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ในพื้นที่ อ.น้ำเกลี้ยง รวม 37 ศูนย์ รองรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายตามแผน และนอกแผน โดยประชาชนทุกพื้นที่ตามแนวชายแดน หากไม่รู้ว่าตนจะอพยพไปที่ใด สามารถเดินทางมาพักได้ที่ อ.น้ำเกลี้ยง ได้ตลอดเวลา โดยขณะนี้ มีผู้อพยพเข้ามาในพื้นที่แล้ว จำนวนประมาณ 450 คน ซึ่งทางอำเภอพร้อมจะดูแลประชาชนผู้อพยพอย่างเต็มที่

นางบัวลี รัตนะ อายุ 56 ปี ชาวบ้านขนุน หมู่ที่ 1 ต.ขนุน อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า หลังได้รับข้อความจากโทรศัพท์แจ้งเตือนให้อพยพออกจากพื้นที่ได้ไม่นาน ทางผู้นำชุมชนหมู่บ้านก็ได้ประกาศเสียงตามสายให้อพยพในทันที ตนและพ่อ คือ นายประดิษฐ์ รัตนะ อายุ 87 ปี จึงได้เก็บข้าวของสัมภาระ เสื่อผืน หมอนใบ รีบนำขึ้นรถอพยพมากับญาติ รวมถึง ลูกๆ และหลานๆ ส่วนสามีตนได้อยู่เฝ้าบ้านดูแลวัวและทรัพย์สินสิ่งของในบ้าน
โดยตนมีความคิดเห็นว่าการอพยพในครั้งนี้ อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย อยากให้ทหารเคลียร์ให้จบไปเลย ไม่อยากให้คาราคาซัง เป็นอยู่อย่างนี้มันทำอะไรไม่ได้ ประชาชนอยู่แบบลำบาก หวาดผวารายวัน อยากให้จัดให้จบในรอบนี้ แล้วให้มันจบไปเลย ส่วนที่อพยพมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งนี้ เนื่องจากทางผู้นำชุมชนหมู่บ้านได้มีการประกาศ ประชุม ซ้อมแผน และวางแผนร่วมกับชาวบ้านเอาไว้แล้ว เมื่อเกิดเหตุจึงไม่สับสนว่าจะต้องอพยพไปที่ไหน
ด้าน นายประดิษฐ์ รัตนะ อายุ 87 ปี ชาวบ้านขนุน หมู่ที่ 1 ต.ขนุน กล่าวว่า ถ้าพูดถึงเขมร กัมพูชา แล้ว ไม่อยากจะพูดถึง เพราะกัมพูชาพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดเหมือนเด็กคุยกัน ไม่ใช่ผู้ใหญ่คุยกัน ที่ควรจะรู้เรื่อง แต่ไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะวุ้นเส้น ตอนนี้อยากให้ทหารทำอะไรสักอย่างให้มันจบๆไป ไม่อยากให้พูดพร่ำเพรื่อ จนชาวบ้านไม่เป็นอันทำมาหากินเลย


ส่วนทางด้าน นางปราณี สาบาน อายุ 84 ปี ชาวบ้านขนุน หมู่ที่ 1 ต.ขนุน กล่าวว่า ในปีนี้ อพยพเป็นครั้งที่ 2 แล้ว อยากให้ทหารทำให้มันเสร็จสิ้นไป มันน่ารำคาญ คาราคาซัง มามากพอแล้ว อยากให้บุกยึดเอาเขตแดนไทยกลับคืนมาทุกตารางนิ้ว แล้วไล่เขมรกลับลงไปยังพื้นที่ต่ำ ตามแนวเส้นเขตแดน ผลักดันให้กัมพูชากลับไปอยู่ในเขตของตนเอง ไทยก็อยู่ในเขตของไทย ไม่อยากจะพูดถึงวุ้นเส้น เพราะพูดไม่รู้เรื่อง แทนที่บอกลูกน้องของตนเองให้ถอยกลับไปอยู่ในเขตแดนของตน แต่กลับไม่พูด ไม่บอกไม่สั่ง ทำให้ชาวบ้านตอนนี้ขวัญผวา ใจจะขาดแล้ว นอนก็ไม่หลับ หูก็ตึง แทบจะเป็นบ้า เพราะมันเครียด
ขณะที่ นางทองรัก คำจันทร์ อายุ 49 ปี ชาวบ้านขนุน หมู่ที่ 1 ต.ขนุน กล่าวว่า จากการสู้รบครั้งที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ น้าสาวตน ซึ่งอายุ 73 ปี มีอาการเครียดจนเป็นโรคประสาท และต้องกินยาระงับประสาทมาตั้งแต่รอบที่แล้ว กลัวเสียงปืนดัง ประกอบกับเป็นห่วงหลานชายที่เป็น ตชด.อยู่ในพื้นที่ชายแดน การอพยพครั้งนี้อยากให้เป็นครั้งสุดท้าย อยากให้ทหารเคลียร์ให้มันจบๆไป ในรอบนี้ อย่าให้ประชาชนต้องอพยพอีกเลย เพราะเป็นปัญหาเรื้อรังน่าเบื่อน่ารำคาญ ไม่รู้จักจบสิ้น โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่ติดกับชายแดน ต่างก็ไขว้เขว และกลัวด้วย ตื่นเช้าขึ้นมาก็ได้แต่คิดว่าจะอพยพวันไหน วันนี้หรือเปล่า พรุ่งนี้หรือไม่ จะเกิดเหตุรุนแรงวันไหน ไม่มีใครรู้ ขอขอบคุณทหารไทย ที่เสียสละเพื่อรักษาอธิปไตยและของเป็นกำลังใจให้ทหารทุกนาย ขอพระคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยทุกคนทุกนายด้วย.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน