ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
OR นำสื่อมวลชนไทยบุก “กวางโจว-ซัวเถา” สัมผัสโฉมหน้านวัตกรรมพลังงานสะอาดของจีน
05 ธ.ค. 2568

ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ประเทศไทยมุ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สุทธิ ในปี 2050 เร่งดำเนินการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาดหรือ “พลังงานสีเขียว” เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่

  • OR หนุนธุรกิจ EV ร่วมทางพลังงานสีเขียว

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึง “OR EV Ecosystem & Future Trend” ซึ่งสะท้อนบทบาทของ OR ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศ ผ่านโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ครบวงจร ตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งกำหนดให้ 30% ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ เป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2030 ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาโครงข่ายสถานีชาร์จให้เพียงพอกับปริมาณรถไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น โดย OR จะมีสถานีชาร์จ EV Station PluZ เข้ามาต่อยอดการดำเนินธุรกิจสถานีบริการ เสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจ ด้วยการขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ครอบคลุม ด้วยเป้าหมายขยายสถานีชาร์จ 7,000 หัวชาร์จ DC ทั่วประเท เพื่ออำนวยความสะดวก เพิ่มความมั่นใจ ให้แก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และวิถีชีวิตของคนยุคใหม่

ปัจจุบัน OR มีหัวชาร์จแล้วกว่า 3,300 หัวชาร์จ ทั้งในสถานีบริการ PTT Station สถานี LPG สถานี NGV รวมถึงขยายสถานีชาร์จทั้งในและนอก PTT Station รวมถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีศักยภาพ และเป็นพื้นที่มีความต้องการหนาแน่น เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล ออฟฟิศ และสำนักงาน ตลอดจนหน่วยงานรัฐต่างๆ พร้อมยกระดับเทคโนโลยี Quick Charger ที่รองรับกำลังไฟในทุกระดับ เพื่อรองรับทั้งรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและรถเชิงพาณิชย์ รวมทั้ง เริ่มขยายสู่ หัวชาร์จแบบ Ultra Fast Charging เพื่อรองรับรถ EV รุ่นใหม่ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีที่สามารถชาร์จได้เร็วเป็นพิเศษ

OR มองธุรกิจ EV ไม่ได้มาแทนธุรกิจนํ้ามัน แต่เป็นการต่อยอด เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกพลังงานสะอาด และใช้เวลาอยู่ในสถานีบริการมากขึ้น 5 ด้าน คือ 1. Time Spent Expansion เพิ่มเวลาใช้บริการในสถานีจาก 5 นาที เป็น 45 นาที ผ่านการพัฒนาพื้นที่ทั้ง PTT Station และ OR SPACE รวมถึงบริการเสริมต่างๆ ในสถานีบริการ 2. Energy Transition to EV Charging EV Charging เป็นฟังก์ชันหลักที่ดึงให้ลูกค้าเข้ามาใช้สถานีในระยะเวลานานขึ้น เชื่อมต่อสู่การขยาย Ecosystem ที่สมบูรณ์ภายในสถานี 3. Diverse F&B Ecosystem ขยายแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มทั้งของ OR และพันธมิตร ครอบคลุม Café Amazon, เขียง, Pacamara, QSR (Quick Service Restaurant) ใหม่ และแบรนด์หน้าใหม่ รองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า 4. Lifestyle & Daily Services เพิ่มบริการด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ เช่น คลินิกโอบอ้อม, found&found, Otteri รองรับบริการใช้ประจำวัน เพื่อเพิ่มเวลาใช้บริการภายในสถานี 5. Traffic Enhancement to OR Ecosystem  OR SPACE ปรับโฉม Ecosystem ของ OR แบบใหม่ในอนาคต เพื่อรองรับ Energy Transition  เพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ที่เชื่อมต่อกันภายในสถานี

  • นำสื่อไทยเยี่ยมชมนวัตกรรมพลังงานยุคใหม่ของจีน

เมื่อเร็วๆ นี้บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้นำคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทย เดินทางไปดูต้นน้ำทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานยุคใหม่ของจีนที่เมืองกวางโจว และเมืองซัวเถา ประเทศจีน เพื่อให้เข้าถึงมุมมองใหม่ว่าทิศทางพลังงานยุคหน้าไม่ได้อยู่ในกรอบเดิม และจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลักดันการเปลี่ยนผ่านพลังงานเร็วที่สุดในโลก

                เริ่มจากการเยี่ยมชม บริษัท Baiyun Power Group ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนชั้นนำของจีน ที่โดนเด่นด้านอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า (Electrical Equipment Solutions) ที่สนับสนุนระบบโครงข่ายไฟฟ้าแรงสูง-แรงดันสูงของจีนมานานกว่า 30 ปี เชี่ยวชาญการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเสถียรภาพและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า

นวัตกรรมที่ได้น่าสนใจก็คือ V2G  (Vehicle-to-Grid) ซึ่งทำให้รถไฟฟ้า (EV) สามารถ “ชาร์จเข้าแบตเตอรี่” และในขณะเดียวกันสามารถส่งพลังงาน (ไฟฟ้า) จากแบตเตอรี่ของรถกลับไปที่โครงข่ายไฟฟ้า (grid) ได้ ช่วยให้เกิดสมดุลพลังงานในระบบไฟฟ้า เช่น ในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟสูง (peak) รถ EV ที่จอดและชาร์จอยู่สามารถดึงพลังงานกลับไปช่วยกริดได้ แต่ปัจจุบัน V2G ยังมีข้อจำกัดเชิงเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐานอยู่บ้าง

อีกหนึ่งนวัตกรรม คือ Smart Energy Solutions แบบครบวงจร  เช่น ลูกแก้วฉนวนไฟฟ้ารุ่นใหม่ (Glass Insulators) ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้ ไม่นำไฟ ลดการสูญเสียพลังงานบนสายส่ง ลดโอกาสเกิดไฟลัดวงจรบนเสาส่งไฟฟ้า อายุใช้งานยาวกว่า รุ่นเก่าไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย รวมทั้งวัสดุและกาวทนไฟมาตรฐานสูง (Fire-resistant Components) โดยใช้ในหม้อแปลงและจุดเชื่อมต่อสายไฟ มีชั้นฉนวนกันความร้อนเฉพาะทาง ลดความเสี่ยงความร้อนสะสม โดยจุดโฟกัสสำคัญของ Baiyun คือ “เสถียรภาพ–ความปลอดภัย–ประสิทธิภาพ” ของไฟฟ้าที่หล่อเลี้ยงเมืองทั้งเมือง

คณะสื่อมวลไทยได้เยี่ยมชม งาน Auto Guangzhon 2025 เป็นงานมหกรรมเทคโนโลยียานยนต์จัดปีละครั้ง ถือเป็นเวทีแสดงศักยภาพเทคโนโลยียานยนต์ของจีนต่อโลก และเป็นเวทีเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังออกแบบอนาคตของโลก ที่น่าสนใจ คือ Xpeng Flying Car (AeroHT) เป็นโมเดล “Land Aircraft Carrier” หรือ รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถบินได้ (eVTOL) แบบแยกส่วน (Modular) ซึ่งประกอบด้วยยานยนต์ภาคพื้นดิน (รถตู้/มินิแวน 6 ล้อ) ที่รองรับ 4-5 คน และโมดูลเครื่องบิน eVTOL (เครื่องบินไฟฟ้าที่สามารถขึ้น-ลงแบบตั้งฉาก) ซึ่งสามารถแยกออกจากตัวรถบกได้ และบินในโหมด low-altitude  เมื่อบินเสร็จ ตัว air module จะ “dock” กับ ground module อีกครั้งและลูกหมุน (propeller) สามารถพับเก็บได้เพื่อให้เข้ากับตัว ground module สามารถสลับโหมดการทำงานได้อัตโนมัติ เทคโนโลยีนี้ มีเป้าหมายเพื่อการเดินทางที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

“โดย Xpeng ประกาศเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2569 จำนวน 5,000 คัน และภายใน 2 ปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 คัน ราคาไม่เกิน 2 ล้านหยวน หรือประมาณ 10 ล้านบาท”

นอกจากนี้ ยังได้ชม ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Driving Systems) ที่นำเสนอเทคโนโลยี เซนเซอร์ Lidar รุ่นล่าสุด ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่พร้อมใช้งานจริงบนถนนเมืองจีน AI ที่เรียนรู้จากโครงสร้างถนนและพฤติกรรมขับขี่จีนโดยเฉพาะ ตลอดจน แบตเตอรี่เจนใหม่ ชาร์จเร็วขึ้น ใช้นานขึ้น เช่น แบตเตอรี่โซเดียมไอออน (ต้นทุนต่ำกว่า) แบตเตอรี่ ultra-fast charging สำหรับ EV ขนาดใหญ่

  • จีนยุคใหม่เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผ่าน 3 `เสาหลัก

นายกาจฐิติ วิวัธวานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว เปิดเผยว่า แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในยุค “High-quality Development” ได้เปลี่ยนจากการแข่งขัน “ด้านราคา” มาเป็นการแข่งขัน “ด้านคุณภาพ” เน้นประสิทธิภาพ เทคโนโลยี ความยั่งยืน และการผลิตอัจฉริยะ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน ฉบับที่ 15 (ปี 2569-2573) โดยมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่าน 3 เสาหลัก คือ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ พลังขับเคลื่อนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้าง “เศรษฐกิจจีนยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” และลดการพึ่งพาจากภายนอก

กาจฐิติ วิวัธวานนท์

กงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว เน้นย้ำถึงโอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการไทย ใน 3 มิติ ได้แก่

1.) Joint Venture Partnership คือ ไทย–จีน ต้องร่วมมือแบบเท่าเทียม ไม่มีใครนำใคร และต้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน 2.) Local Content / Local Context โดยการทำธุรกิจในจีนต้องเข้าใจบริบทจีน และการทำธุรกิจจีนในไทยก็ต้องเข้าใจบริบทไทย 3.) Skill Development ไทยต้อง Upskill–Reskill แรงงาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เช่น EV, พลังงานสะอาด, ชิป, หุ่นยนต์ เป็นต้น

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ด้าน ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน เล่าถึงมิติต่างๆ ระหว่างไทยกับจีนว่า  1. มิติด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันคนจีนมองว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ปลอดภัย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากข่าวอาชญากรรมและเหตุการณ์ต่างๆ ขณะที่จีนกำลังส่งเสริมท่องเที่ยวภายในประเทศ ทำให้การท่องเที่ยวของคนจีนในไทยตกต่ำสุด โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่า ปลายปีนักท่องเที่ยวจีนในไทยจะแตะ 7-8 ล้านคน แต่ปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 – 4.5 ล้านคน 2. มิติด้านการค้า คนจีนมองว่าสินค้าไทยไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร และในทางกลับกันสินค้าจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากอดีตที่คนไทยตัดสินใจซื้อสินค้าจีนเพราะราคาถูก แต่ปัจจุบันซื้อเพราะ “ถูก” และ “ดี” จากการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีที่ซ้อนอยู่ในทุกกระบวนการผลิตของจีนที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น รถ EV และสินค้าอาหาร มีการผลักดันสินค้าในระบบแฟรนไชส์ มีการสร้าง “แบรนด์ดิ้ง” ที่ดี เจาะเข้าสู่ตลาดต่างประเทศได้ง่ายและเร็ว ถือเป็นโจทย์และการบ้านที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ ต้องคิดปรับปรุงกระบวนการผลิตและภาพลักษณ์สินค้าไทยในสายตาคนจีนให้มีความแปลกใหม่ขึ้น

3. มิติการลงทุน ถือว่ามีเสถียรภาพค่อยข้างดี มีปัจจัยเอื้อหลายส่วน เช่น แรงกดดันสงครามทางการค้า ทำให้จีน ต้องหันไปพึ่งพาตลาดการค้าในประเทศต่างๆ มากขึ้น เพื่อชดเชยตลาดสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนกำลังสยายปีกเข้าไปมีอิทธิพลในเวทีโลก แบบมียุทธศาสตร์ทั้งการค้าและการลงทุน ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ใจกลางของอาเซียนที่จีนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น ถ้าไทยสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ รวมถึงเปิดโอกาสให้คนจีนได้ทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายในช่วงเวลาหนึ่ง ตลอดจนแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น ระบบราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อเอื้อให้เกิดการลงทุนในระหว่างไทย-จีน ในอนาคตมากขึ้น และ 4.มิติด้านพลังงาน หัวใจหลักของจีน คือมุ่งสู่ “พลังงานสีเขียว” มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยประธานาธิบดีจีน กำหนดเป้าหมายลดปล่อยคาร์บอนสูงสุดก่อนปี 2030 และปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี 2060 ซึ่งผู้นำจีนมีความมุ่งมั่นที่จะไปสู่เป้าหมายอย่างจริงจัง โดยการพัฒนาพลังงานสีเขียวถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน ฉบับที่ 15 อย่างชัดเจน

“จะเห็นว่าในเมืองกวางโจว ผู้คนเดินบนท้องถนน ไม่เห็นฝุ่น ควันต่างๆ เรียกว่า ไร้มลภาวะทางอากาศ ผลจากการเปลี่ยนโครงสร้างจากรถเครื่องยนต์สันดาปไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และอนาคตจะไปสู่ไฮโดรเจน และพลังงานรูปแบบอื่นๆ”

  • Huaneng Power หนึ่งใน 5 ผู้ผลิตไฟฟ้าหลักของจีน

คณะสื่อมวลชนไทย ยังได้ไปดูงานที่ บริษัท Huaneng Power International, Inc. (HPI) ซึ่งเป็นบริษัทหลักในเครือของ China Huaneng Group Co., Ltd. (CHNG) หนึ่งใน 5 ผู้ผลิตไฟฟ้าหลักของรัฐ และผลิตพลังงานสีเขียวหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมทั้งพลังงานความร้อน พลังน้ำ พลังลม พลังแสงอาทิตย์ พลังงานนิวเคลียร์ และชีวมวล ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของจีน และรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ด้วยสัดส่วนพลังงานสะอาดสูงถึง 49%

ไฮไลท์สำคัญ คือ Floating Solar Farm ที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนผิวน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งทำงานร่วมกับระบบฟาร์มประมง ช่วยลดอุณหภูมิน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ลดการระเหยของน้ำเอื้อให้ชาวบ้านเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ งใต้แผงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นตัวอย่างของรูปแบบการพัฒนาที่เรียกว่า “Green Plus” ของจีน ที่ให้ความสำคัญกับ Green Plus Model “Green + X” แพร่หลายไปยังภาคส่วนต่าง ได้แก่ Green + Fishing , Green + Agriculture และ Green + Tourism เป็นต้น

นอกจากนี้ Huaneng ยังมีโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV และระบบพลังงานแบบบูรณาการ โดยลงทุนพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จEV รวมถึงเทคโนโลยี High-Power Fast Charging และโมเดลสถานี แบบผสมผสาน “Solar + Energy Storage + Charging” ซึ่งช่วยลดภาระของโครงข่ายไฟฟ้าหลัก เพิ่มเสถียรภาพ และทำให้การชาร์จ EV ใช้ “พลังงานเขียว” ได้จริง โดยระบบ EV Charger ของ Huaneng นั้น ทาง OR ยังสามารถหาโอกาสนำไปต่อยอดพัฒนาระบบ EV Charger ในไทยต่อไปได้

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 ธันวาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ธ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่า การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มั่นคง หัวใจสำคัญด้านหนึ่งต้อง มาจากฐานราก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง ซึ่งประเทศไทยเราเอง ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับโดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดศักราชใหม่ให้กับการกระจายอำนาจลงสู่...