ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ / บทวิเคราะห์ ย้อนกลับ
การมีส่วนร่วมบนฐานของความไว้วางใจ [1]
01 ธ.ค. 2568

คอลัมน์ : รอบรั้วสถาบันพระปกเกล้า  โดย : ศูนย์สื่อสารองค์กร
 เขียนโดย :  ดร.จารุวรรณ แก้วมะโน นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า

          การมีส่วนร่วมทางการเมือง มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนากระบวนการประชาธิปไตยให้มีความโปร่งใสและ

มีศักยภาพในการปกป้องสิทธิเสรีภาพและตอบสนองต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ส่งผลให้การมีส่วนร่วมของประชาชนได้รับการกล่าวถึงและมีความพยายามเรียกร้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่าความเฉื่อยชาทางการเมืองของพลเมืองนั้นจะส่งผลร้ายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม
การกล่าวโทษว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองน้อยเป็นผลมาจากประชาชนส่วนใหญ่ขาดความรู้ความเข้าใจ
ทางการเมืองและโดยมากมักใช้เวลาไปกับการประกอบอาชีพ ก็ดูจะไม่เป็นธรรม ทั้งยังไม่สะท้อนความซับซ้อนของบริบททางการเมืองทั้งหมดที่เกี่ยวพันกับโครงสร้างทางการเมือง กลไกภาครัฐ และวัฒนธรรมทางการเมือง
บางประการที่อาจปิดกั้นหรือบั่นทอนความไว้วางใจทางการเมืองของผู้คนในการมีส่วนร่วมทางการเมืองลงไป

          ผลการศึกษาของนักวิชาการ อาทิ รัสเซล เดลตัน และ เดวิด แมทธิวส์ ชี้ให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์ระหว่าง การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนกับความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อระบบการเมืองและสถาบัน
ทางการเมือง กล่าวคือ หากประชาชนมีความเชื่อว่าระบบการเมืองและสถาบันทางการเมืองไม่มีประสิทธิภาพ
หรือจริงจังจริงใจมากพอในการพัฒนาและแก้ไขปัญหา สุดท้าย ประชาชนจะเบื่อหน่ายการเมืองและโดยมาก
มักเลือกถอยร่นและหันไปใช้ช่องทางนอกระบบการเมืองเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองแทน ที่ร้ายที่สุดคือ
เลือกหนทางคอร์รัปชั่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตนต้องการซึ่งจะส่งผลร้ายต่อระบอบประชาธิปไตยในระยะยาว

 

          ในแง่นี้การสร้างความไว้วางใจทางการเมืองจึงนับเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะส่งเสริมต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพได้ แม้ว่าปัจจุบันผู้คนจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองผ่านช่องทางออนไลน์
แบบไม่เป็นทางการได้มากขึ้น แต่กระนั้นย่อมเป็นการดีกว่าที่ผู้คนจะไว้วางใจและเลือกเข้าไปมีส่วนร่วม
ทางการเมืองผ่านช่องทางระบบการเมืองปกติ เพื่อรับประกันว่าปัญหาที่ตนเสนอไปนั้นจะเข้าสู่ระบบและมีโอกาสได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าการประท้วงหรือแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์ที่ไม่อาจรับประกันผลการตอบสนองได้ การสร้างความไว้วางใจจึงมีความสำคัญ ซึ่งภาครัฐรวมไปถึงองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นสามารถส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองให้เกิดขึ้นได้ ดังนี้

ยึดหลักสัญญาประชาคม (Social Contract) ที่ภาครัฐและประชาชนมีร่วมกัน โดยภาครัฐต้องจัดให้มีความคุ้มครองและบริการสาธารณะที่จำเป็นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ขณะที่ ประชาชนต้องเสียสละสิทธิเสรีภาพบางประการรวมไปถึงเสียภาษีอากรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐ พร้อมกันนั้น รัฐควรส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (Effective Communication) เน้นการตอบสนองต่อข้อกังวลของประชาชนอย่างจริงจัง โดยอาจลงทุนนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนากลไกกระบวนการรับฟังที่มีคุณภาพและสะท้อนผลการมีส่วนร่วม
ที่เข้าถึงได้ น่าเชื่อถือ และตอบสนองได้จริง

ควบคู่ไปกับการพัฒนาท้องถิ่น รัฐควรให้ความสำคัญกับกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางสังคม (Bridging Social Divides) ที่อาจถูกทำลายลงจากการแข่งขันทางการเมืองในระดับต่าง ๆ ซึ่งมักนำไปสู่ภาวะแบ่งขั้วทางอุดมการณ์และการแย่งชิงทรัพยากรเชิงนโยบาย อันอาจส่งผลให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกทางการเมืองจากฝ่ายที่ไม่ได้รับการสนับสนุน ในแง่นี้การประสานรอยร้าวโดยการผลักดันนโยบายถ้วนหน้าไม่เลือกปฏิบัติ
จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความไว้วางใจ เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยสมัครใจ
ในอนาคต นอกจากนี้ การจัดการกับปัญหาทุจริตอย่างเป็นรูปธรรมก็มีส่วนสำคัญต่อการฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนทั้งต่อบุคคลและองค์กร

ท้ายที่สุด ต้องลดความเสี่ยงหรือความไม่ปลอดภัยอันอาจเกิดจากการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง ทั้งนี้เพราะความไม่ปลอดภัยนับเป็นต้นทุนทางการเมืองอย่างสำคัญที่ประชาชนมักประเมินเมื่อต้องเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง ในแง่นี้ภาครัฐต้องลดทอนความเสี่ยงทั้งในเชิงกายภาพ สังคม และการเมือง สร้างพื้นที่ปลอดภัย
ในการแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งสร้างหลักประกันด้านสิทธิเสรีภาพอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการคุกคามอันเนื่องมาจากการแสดงความเห็นทางการเมืองและการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองจึงเป็นสิ่งสำคัญพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

Dalton, R. J. (2004). Democratic challenges, democratic choices: The erosion of political support in advanced industrial democracies. Oxford University Press.

Mathews, F. D. (1999). Politics for people: Finding a responsible public voice. University of Illinois Press.

Mayne, Q. (2012). Public trust in government and the resilience of democracy: Evidence from the Great Recession. Public Opinion Quarterly, 76(4), 743–753. https://doi.org/10.1093/poq/nfs042

Putnam, R. D. (2000). Bowling alone: The collapse and revival of American community. Simon & Schuster.

Weinberg, J. (2023). Building trust in political office: Testing the role of democratic innovations in fostering political trust among young citizens. Political Studies, 71(1), 168–188. https://doi.org/10.1177/00323217221081637

 

] ผู้เขียน ดร.จารุวรรณ แก้วมะโน นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 ธันวาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ธ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่า การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มั่นคง หัวใจสำคัญด้านหนึ่งต้อง มาจากฐานราก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง ซึ่งประเทศไทยเราเอง ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับโดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดศักราชใหม่ให้กับการกระจายอำนาจลงสู่...