ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สมัชชาสุขภาพฯ ถอดบทเรียนจัดการน้ำเสนอตั้ง ‘อนุกรรมการฯ ระดับจังหวัด’แก้ปัญหาวางแผน-เตือนภัยล่าช้า
28 พ.ย. 2568

“สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18” เปิดรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนมติที่ผ่านมา พบประเด็น “การส่งเสริมความเข้มแข็งกลไกการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่” ชี้ปัญหาใหญ่ในการขับเคลื่อนคือขาดกลไก “คณะอนุกรรมการฯ ระดับจังหวัด” ทำให้การเตรียมการวางแผน-เตือนภัยล่าช้า เผย จ.สงขลา เพิ่งเริ่มนำร่องศึกษาแผนป้องกันภัยไม่ให้เกิดน้ำท่วม แต่ไม่เสร็จ-เกิดเหตุก่อน เสนอ สช. หารือ สทนช. ถึงทิศทางจัดการต่อไป

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2568 เป็นวันที่สองของการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายยุทธศาสตร์จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ภายใต้ประเด็นหลัก “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน” (New Wealth for Health) ได้มีการรายงานความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่ผ่านมา พร้อมทั้งการกล่าวชื่นชมกลุ่มมติที่มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่ถูกกำหนดให้มีการรายงานความก้าวหน้าต่อที่ประชุมครั้งนี้ คือมติ “การส่งเสริมความเข้มแข็งกลไกการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่” โดย รศ. บัญชา ขวัญยืน กรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการลุ่มน้ำเจ้าพระยา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 2 และอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะประธานคณะทำงานพัฒนาประเด็นฯ และมติ “การขับเคลื่อนการส่งเสริมการพัฒนาประชากรให้เกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ” โดย ดร.ภัทรพร เล้าวงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนพัฒนาสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

รศ. บัญชา เปิดเผยว่า จากสาระสำคัญของมติการส่งเสริมฯ จัดการน้ำเชิงพื้นที่ ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 6 ข้อ พบว่ามีส่วนที่สามารถดำเนินงานได้ดีใน 3 ข้อ ส่วนที่มีปัญหาการขับเคลื่อนมากที่สุด คือการผลักดันให้เกิดการบูรณาการและสนับสนุนพื้นที่กลาง การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามความต้องการอย่างเหมาะสมของพื้นที่ โดยเฉพาะการยกเลิกคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด ทำให้การให้คำแนะนำ ตรวจสอบ ติดตาม ทั้งด้านการบริหารจัดการน้ำ และการพัฒนาแหล่งน้ำ ขาดการเชื่อมโยงที่เป็นรูปธรรมระหว่างพื้นที่ จังหวัด และกรรมการลุ่มน้ำ

“หลังมีมติสมัชชาฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เคยมีตั้งคณะอนุกรรมการฯ ระดับจังหวัด ซึ่งจะเป็นผู้ทำแผนบริหารจัดการน้ำ แผนงบประมาณ รวมถึงแผนจัดการภาวะวิกฤต แต่ปรากฏว่าเพิ่งถูกยกเลิกไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤตขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าจะเรียกใครมาประชุม เพราะปกติหากมีอนุกรรมการชุดนี้ไว้อยู่แล้ว ก่อนเกิดภัยพิบัติก็จะมีการเรียกประชุมได้ก่อนทันที จึงเกิดสภาพปัญหาที่การจัดการทำได้ไม่ทันท่วงที” รศ. บัญชา กล่าว

รศ. บัญชา กล่าวว่า สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดจากปริมาณฝนจำนวนมหาศาลระดับ 300-400 มิลลิเมตร ตกหนักลงมาในพื้นที่ อ.สะเดา ต่อเนื่องมาถึง อ.หาดใหญ่ ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องเกิดน้ำท่วม แต่เมื่อขาดการเตือนภัยล่วงหน้าที่ชัดเจนจึงไม่มีการอพยพ สะท้อนถึงการขาดพื้นที่กลาง ทำให้ขาดการสื่อสาร รวมไปถึงการขาดแผนบริหารจัดการ ขณะเดียวกัน จ.สงขลา เองก็เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องที่อยู่ระหว่างการจัดทำแผนป้องกันภัยพิบัติเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อเสนอที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับไปดำเนินการ หากแต่ยังไม่เสร็จ เพิ่งเริ่มไปเพียง 3-4 เดือน กลับเกิดสถานการณ์ขึ้นก่อน

รศ. บัญชา กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทาง สช. ควรจะต้องมีการหารือกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ถึงเรื่องของแผนจัดการภัยพิบัติในระดับพื้นที่ ว่าใครจะต้องเป็นคนทำอย่างไรต่อไป เพราะปัจจุบันมีแผนจัดการภัยพิบัติในระดับลุ่มน้ำ แต่ในระดับพื้นที่หรือลุ่มน้ำสาขาย่อยๆ ยังไม่มี ซึ่งหากทำให้เกิดขึ้นได้ก็จะช่วยให้เรารู้ว่า เมื่อเกิดเหตุแล้วจะเตือนภัยอย่างไร อพยพอย่างไร ผันน้ำไปทางไหน ฯลฯ นอกจากนี้ก็มีข้อเสนออื่นๆ เช่น ประสานกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ถึงการสนับสนุนงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนแผน การสนับสนุนองค์กรผู้ใช้น้ำ รวมทั้งผลักดันเรื่องผลิตภาพการใช้น้ำเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศ เป็นต้น

ขณะที่ ศ.คลินิก นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองประธานกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) กล่าวว่า นับตั้งแต่มี พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ได้มีการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมาแล้วจำนวน 17 ครั้ง มีมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่ภาคีเครือข่ายได้มีฉันทมติร่วมกัน รวมจำนวน 98 มติ ซึ่งการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเหล่านี้ ทางคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ได้แต่งตั้ง คมส. ขึ้นเพื่อทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ และสนับสนุนความร่วมมือในการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

ศ.คลินิก นพ.สุพรรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมา คมส. ยังคงยึดหลักการการสานพลังความร่วมมือ (Synergy) ซึ่งเป็นการทำงานแบบเครือข่ายที่เน้นการเสริมพลังทางบวก ให้เกิดการต่อยอดงานและสร้างคุณค่าในการทำงานให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมยุทธศาสตร์ในการสร้างการรับรู้ทางสังคม เพื่อทำให้สังคมเกิดความตระหนักและร่วมกันขับเคลื่อนอย่างมีพลัง

ทั้งนี้ ภายในเวทียังได้มีการกล่าวชื่นชมกลุ่มมติที่มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมติที่เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ซึ่งมีการขับเคลื่อนสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดต่างๆ หรือมติ ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันยาเสพติด ซึ่ง สธ. กระทรวงมหาดไทย (มท.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม (สสส.) ได้จัดทำโครงการชุมชนล้อมรักษ์ ที่ปัจจุบันมีชุมชนต้นแบบในทุกภูมิภาค เป็นต้น

ด้าน นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการ คสช. กล่าวว่า การขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่ผ่านมา ถือเป็นการทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วน และมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจึงอยากให้เกิดเป็นกำลังใจในการทำงาน ส่วนที่ยังไม่สำเร็จก็ต้องไม่ท้อถอยและทำต่อไป เพราะทุกการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจะเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญเพื่อวางแผนในการก้าวไปข้างหน้า ซึ่งกลไกการขับเคลื่อนนอกจากจะมี คสช. ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมี คมส. ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานแล้ว ในระดับพื้นที่ยังมีกลไกคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) รวมถึงสมัชชาสุขภาพจังหวัด ที่สามารถเชื่อมโยงมติไปสู่การขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม

นพ.สุเทพ กล่าวว่า หลังผ่านมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ไปแล้ว จำนวนมติทั้งหมดก็จะเพิ่มมากขึ้น รวมเป็น 103 มติ ซึ่ง สช. กำลังวางแผนที่จะรวบรวมบทเรียนทั้งหมดในวาระครบรอบ 2 ทศวรรษ เพื่อนำสิ่งต่างๆ ที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันทำ ออกมาปรากฎให้เห็นและร่วมกันมองไปข้างหน้าว่าจะมีการเดินหน้าขับเคลื่อนอย่างไรต่อไป ส่วนความก้าวหน้าและการติดตามการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพประเด็นต่างๆ ปัจจุบัน สช. ได้มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่ทุกคนสามารถเข้าไปร่วมติดตามได้ทางเว็บไซต์ https://infocenter.nationalhealth.or.th/nha-dashboard/

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
20 พ.ย. 2568
ความมุ่งมั่นในชีวิตที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ผนวกกับการทำงานอยากชาญฉลาด นับเป็น กุญแจดอกสำคัญที่จะมีผลส่งให้บุคคลที่ยึดมั่นใน สิ่งที่กล่าวถึงนี้ มีเส้นทางชีวิตที่จะก้าวเดินไปสู่ความ สำเร็จได้ไม่มากก็น้อย ดังตัวอย่างจากหลายๆ คน ที่เราเคยได้ยินได้ฟังมา และหนึ่งในบุ...