ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
กาญจนบุรี - ป้องกัน PM 2.5 อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ประชาสัมพันธ์เชิงรุก เร่งขับเคลื่อนนโยบาย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทส.
25 พ.ย. 2568

เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)ปี 2569 ฝ่าฝืนแล้วถูกจับเจอโทษหลายกระทง สูงสุด จำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับ ตั้งแต่ 400,000 -2,000,000 บาท

วันนี้ 25 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายราชันย์  บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่  3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วยนายยุทธพงค์  ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และพนักงานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่บ้านท่าขนุน หมู่ 1 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ตามมาตรการ “เคาะประตูบ้าน” สร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับปัญหาไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่จะเกิดขึ้นหากเกิดปัญหาไฟป่า

โดยเจ้าหน้าที่ได้รณรงค์ขอความร่วมมือประชาชน ไม่จุดไฟเผาป่า ลดการเผาวัสดุทางการเกษตร และปฏิบัติตามมาตรการของรัฐ   เพื่อสร้างอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแสกับกลุ่มบุคคลที่แอบลักลอบจุดไฟเผาป่า  ซึ่งเป็นกระบวนการการมีส่วนร่วมในการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาไฟป่าได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ นายราชันย์ บัวตรี ผอ.สบอ.3(บ้านโป่ง) กล่าวว่า นายุสชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(รมว.ทส.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีนโยบายและสั่งการให้หน่วยงานพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ดำเนินการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในปี พ.ศ. 2569 ที่กำลังจะมาถึง

โดยให้ทุกหน่วยงานดำเนินงานตามมาตราการ ด้านการบริหารการจัดการเชื้อเพลิง การจัดทําแนวกันไฟ ด้านการติดตามและควบคุมไฟป่า ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ ติดตามข้อมูลจากดาวเทียม รวมถึงการมีส่วนร่วม และประชาสัมพันธ์ โดยเน้นย้ำการบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ การประสานความร่วมมือกับชุนชน และ ประชุมหน่วยงานราชการและหมู่บ้าน และนโยบายการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด โดยเฉพาะการประกาศ ปิดป่าห้ามบุคคลเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ปราบปรามจับกุมบุคคลแอบลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่า  

สำหรับอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีพื้นที่รับผิดชอบ 772,214 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล ใน 2 อำเภอ ได้แก่ ตำบลลิ่นถิ่น ตำบลหินดาด ตำบลปิล๊อก ตำบลท่าขนุน ตำบลห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ ตำบลปรังเผล และตำบลหนองลู อ.สังขละบุรี 
ในปี 2569 อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน (War Room) อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อวางแผน วิเคราะห์สถานการณ์ ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ โดยในปีที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มีจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จำนวน 76 จุด ซึ่งลดลงจากปี 2567 ถึง 85.30 เปอร์เซ็นต์ มีพื้นที่เผาไหม้ จำนวน  จํานวน 4,734 ไร่  
 

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่จะเกิดขึ้นในปี 2569  อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิได้มีประกาศอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ฉบับลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 เรื่อง ห้ามเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ  เนื่องจากฤดูแล้งของทุกปี อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ประสบปัญหาไฟป่าส่งผลให้เกิดปัญหาฝุ่นควันที่มีค่า PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งสาเหตุเกิดจากการเผาป่า ล่าสัตว์ การเก็บหาของป่า และการกำจัดวัชพืช
เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าให้มีประสิทธิภาพ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 20   แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ประกาศใช้มาตรการณ์เข้มข้นดังนี้
1.ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ในเขตท้องที่ ตำบลหินดาด ตำบลลิ่นถิ่น ตำบลท่าขนุน ตำบลห้วยเขย่ง ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ และตำบลปรังเผล ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ยกเว้นพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตบริการ เขตนันทนาการกลางแจ้ง และเขตกิจกรรมพิเศษประเภท 1 และประเภท 3 ตามแผนบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ (พ.ศ.2566 – 2570)

สำหรับกรณี มีเหตุจำเป็นให้ประสานหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป และต้องมีการลงทะเบียน  เข้า – ออก ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำจุดลงทะเบียนทุกครั้ง หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดตามมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)
2. การเผาวัชพืชในพื้นที่เกษตรกรรมใกล้แนวเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ต้องมีการควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามเข้าเขตป่า และต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน หากมีการลุกลามเข้าไป ในอุทยานแห่งชาติถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19(1) ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการยึดถือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำการด้วยประการใด ๆให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิมภายในอุทยานแห่งชาติ 

ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท (สี่แสนบาทถึงสองล้านบาทถ้วน) หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีความผิดดังกล่าวถ้าได้กระทำในพื้นที่ ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1 หรือพื้นที่ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 2 ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หรือพื้นที่เปราะบางของระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพ ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งกึ่งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ถึง 31 พฤษภาคม 2569
   /////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา  ไหลวารินทร์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
20 พ.ย. 2568
ความมุ่งมั่นในชีวิตที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ผนวกกับการทำงานอยากชาญฉลาด นับเป็น กุญแจดอกสำคัญที่จะมีผลส่งให้บุคคลที่ยึดมั่นใน สิ่งที่กล่าวถึงนี้ มีเส้นทางชีวิตที่จะก้าวเดินไปสู่ความ สำเร็จได้ไม่มากก็น้อย ดังตัวอย่างจากหลายๆ คน ที่เราเคยได้ยินได้ฟังมา และหนึ่งในบุ...