องค์การเภสัชกรรม ลงนามบันทึกความเข้าใจ กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เรื่อง การส่งเสริม วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ห้องประชุมไพรพฤกษ์ ชั้น 1 อาคาร 1 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยมี นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในฐานะประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม เป็นสักขีพยาน
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) องค์การเภสัชกรรม(อภ.) โดย พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริม วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดย นายสมศักดิ์ กรีชัย รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ความร่วมมือดังกล่าว มุ่งเน้นการยกระดับสมุนไพรไทยสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม ด้วยการพัฒนาเครื่องหมายการค้า และมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะอย่างแพร่หลาย สร้างการยอมรับและยกระดับมาตรฐานความน่าเชื่อถือผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าสู่ระดับอุตสาหกรรม เป็นการร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และคัดเลือกผลิตภัณฑ์สมุนไพรเข้าสู่ระบบการซื้อขายในช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ร่วมกันใช้ระบบบริหารจัดการยาสมุนไพร (VMI) เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานสมุนไพรไทยที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การลงทุนในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่สําคัญระหว่าง 2 หน่วยงานหลักของกระทรวงสาธารณสุข ในการวิจัย พัฒนา ผลิต ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ อีคอมเมิร์ซ ระบบบริหารจัดการอย่างปลอดภัย VMI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และขยายตลาดสมุนไพรให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ถือเป็นพลังสำคัญเพื่อเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
“ความร่วมมือในครั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมมีหน้าที่หลักในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ส่งเสริมและขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผ่านร้านค้าในเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์และเว็บไซต์ขององค์การเภสัชกรรม ผลิตหรือจัดหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่ผ่านการประเมินคุณภาพและมาตรฐาน บริหารจัดการกระบวนการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ และกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่องค์การเภสัชกรรมกำหนด และเชื่อมโยงและใช้ระบบบริหารจัดการยาสมุนไพร (VMI) เพื่อยกระดับสมุนไพรไทยสู่ระดับอุตสาหกรรม ในการพัฒนาสมุนไพรไทยแบบครบวงจร เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ที่มั่นคงไปสู่ประชาชนต่อไป”