ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พ.ย. 68 ที่วัดเมตารางค์ ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก ทางวัดได้นำกระสอบทรายมาทำคันกั้นน้ำ เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ให้เข้าท่วมภายในวัด โดยคันกั้นสูงประมาณ 1.50 เมตร แต่พบว่าระดับน้ำนอกคันกั้นเพิ่มสูงขึ้นจนล้นคันกั้นน้ำของวัด อีกทั้งยังมีการซึมรั่วที่บริเวณฐานคันกั้นกระสอบทราย ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณวัด พระสงฆ์และชาวบ้านพร้อมเจ้าหน้าที่ อบต.เชียงรากน้อย ต้องมาช่วยกันเร่งนำกระสอบทรายมาเสริมระดับคันกั้นให้สูงขึ้นอีกชั้น พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำภายในวัดออก เป็นการช่วยลดระดับน้ำที่ท่วมภายในวัดจนไม่ให้สูงขึ้นมากกว่านี้

ด้าน พระครูสังฆรักษ์ บวรพจน์ เจ้าอาวาสวัด เมตารางค์ กล่าวว่า ทางวัดได้ทำคันกั้นน้ำก่อเรียง ด้วยกระสอบทราย แต่พบว่าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาระดับน้ำสูงขึ้นจนล้นคันกั้น จึงต้องเร่งก่อกระสอบทรายขึ้นมาเสริมป้องน้ำไว้ เพื่อไม่ให้เข้าท่วมวัดมากกว่านี้ เพราะเกรงว่าหากปล่อยท่วมวัดทั้งหมดจะทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งหากทรัพย์สิน หรือศาลาได้รับความเสียหาย การซ่อมแซมวัดจะมีมูลค่าสูง ซึ่งตอนนี้จึงต้องใช้วิธีการเฝ้าระวังคันกั้นน้ำไว้ แต่หากยังมีประกาศปล่อยน้ำขึ้นมาเพิ่มสูงขึ้นและเกินกำลังที่ทางวัดจะรับมือได้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามสภาพ

นอกจากนี้ ยังพบว่าบ้านเรือนประชาชน ที่บริเวณชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ ม.2 ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มสูง 10 - 50 เซนติเมตร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ชุมชนดังกล่าวน้ำไม่ท่วม ทำให้ชาวบ้านเก็บของหนีน้ำขึ้นที่สูง โดยที่บ้านของนางดวงสมร เด่นงามวศิน อายุ 42 ปี พบว่าปริมาณน้ำเข้าท่วมบริเวณบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้โดยรอบบ้านไม่มีน้ำท่วม จึงขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ อบต. เชียงรากน้อย นำกำลังคนเข้ามาช่วยยกข้าวของ เครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูง
นางดวงสมร ฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่บ้านตนเองน้ำไม่ท่วม กระทั่งเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ไม่คิดว่าน้ำจะขึ้นสูงรวดเร็วจึงพยายามเก็บข้าวของยกไว้บนที่สูงแต่ก็ยังมีของบางอย่างยกไม่ไหว จึงต้องขอกำลังจาก อบต.ฯส่งเจ้าหน้าท่มาช่วย

ด้าน นายอนุวัตร ใจชอบ กล่าวว่า อยากขอร้องให้ผู้ที่เดินเรือช่วยลดระดับความเร็วของเรือ เพื่อลดการเกิดคลื่นขนาดใหญ่ที่กระทบเข้าตัวบ้านเรือนของประชาชนที่อาศัยอยู่ติดริมน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากพบว่าตอนนี้ชาวบ้านหลายหลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหานี้ โดยเรือมักจะแล่นเร็วในช่วงตอนกลางคืน จึงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยประสานแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับชาวบ้านด้วยเพราะเพียงลำพังน้ำท่วมก็ได้รับความเดือดร้อนแล้วแถมยังมสเดือดร้อนซ้ำเรื่องคลื่นกระแทกตัวบ้านอีก
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม หน.ข่าวภูมิภาค