ชาวบ้านตะเคียนเตี้ยสุดทน คนมักง่ายนำขยะมาเททิ้งเรี่ยราด ภายในซอย16 สูงพะเนินเทินทึก กลายเป็น “ศูนย์รวมความโสโครก”และแหล่งเชื้อโรคใจกลางชุมชนใกล้หมู่บ้านย่านที่พักอาศัย สร้างมลพิษทางกลิ่นจากขยะ และจากควันไฟที่เกิดจากการจุดเผาขยะ
ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ถึงกับใช้สีพ่นผนังกำแพง ห้ามเผาขยะเพราะโดนควันรม แต่กลับไม่เป็นผล จึงส่งภาพหลักฐาน พร้อมข้อมูลให้ “อธิปบูรพา” ช่วยสะท้อนปัญหา ที่กำลังเผชิญอยู่ ออกไปสู่สังคมรับทราบ เพื่อเขย่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลุกขึ้นมาแก้ไข และดำเนินการทางกฏหมายต่อผู้กระทำความผิด อย่างเด็ดขาด
ต่อมา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวไปยังบริเวณหลังหมู่บ้าน "ทรายแก้ว" ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ภายในซอย “ตะเคียนเตี้ย ซอย16” หรือ “ซอยนาตารอด” พบขยะถูกคนมักง่าย นำมาเททิ้งเรี่ยราดสุมกองเป็นภูเขาเลากา ความยาวแนวขยะสิ่งปฏิกูล มองดูสุดหูสุดตาเป็นระยะทางยาว ตลอดแนวริมถนนเลียบคลองศาลปู่เสือ เท่าที่สังเกตุดูเป็นขยะจำพวก ตะกร้าพลาสติกใส่ผลไม้ที่ชำรุด แผ่นป้ายของห้างร้านชื่อดังระดับประเทศ เศษวัสดุก่อสร้าง อิฐ หิน ไม้ แผ่นฝ้ายิบซั่ม กล่องโฟม ชักโครกแตกหัก ศาลพระภูมิเก่า ที่นอนเก่า
นอกจากนี้ยังมีขยะสดจำพวกผัก ผลไม้ เศษซากสัตว์ ถูกนำมาทิ้ง ส่งกลิ่นเน่าเหม็นตลบอบอวลทั่วบริเวณ อีกทั้งยังพบร่องรอยเผาขยะ ทั้งรอยเก่าและรอยเพิ่งเผาไปใหม่ๆให้เห็น คาดว่ามีการจุดไฟเผาเป็นประจำ
สอบถามชาวบ้าน บอกว่า ต้องทนสูดดมกลิ่นขยะและกลิ่นควันไฟ จนทำให้แสบตา ชาวบ้านหลายคนเกิดโรคทางเดินหายใจ มีอาการแพ้เกิดขึ้น แม้จะมีหน่วยงานท้องถิ่นได้แก่ เทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย เคยมาแจ้งเตือน เคยจับ เคยปรับไปแล้วก็ตาม พร้อมสั่งห้ามเผาและห้ามทิ้งขยะ ในพื้นที่สาธารณะอย่างไม่เป็นที่เป็นทาง แต่ยังคงมีคนมักง่าย นำมาทิ้งอย่างต่อเนื่อง จึงอยากร้องผ่านสื่อให้ถึงทางเทศบาลตะเคียนเตี้ย ควรต้องใช้ “ไม้แข็ง”จัดการ ใช้มาตรการเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันและลดปัญหาดังกล่าวให้หมดไปจากชุมชน
ทั้งนี้ สำหรับบทลงโทษผู้ที่ทิ้งขยะในที่สาธารณะ ระบุว่า ผู้ใดทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยนอกภาชนะหรือที่ที่จัดไว้ให้ โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ทิ้งขยะบนถนนหรือทางน้ำ ผู้ใดเทหรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครก หรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางน้ำ โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากประชาชนพบเห็น สามารถแจ้งเบาะแส พร้อมหลักฐานได้ที่ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
ทีมข่าวเฉพาะกิจ "อธิปบูรพา" รายงาน