นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 10/2568 มีวาระการพิจารณาเพิ่ม "บริการรังสีรักษาระยะใกล้ด้วยอุปกรณ์ใส่แร่ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D printing) สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง" เป็นบริการการแพทย์ขั้นสูงในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) พร้อมอนุมัติปีงบประมาณ 2569 จำนวน 1.26 ล้านบาท เพื่อดำเนินการและมอบให้ สปสช. จัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเบิกจ่ายค่าบริการให้หน่วยบริการ รวมถึงจัดระบบกำกับติดตามและประเมินผล เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการฯ และขับเคลื่อนการยกระดับบริการทางการแพทย์ขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริการรังสีรักษาระยะใกล้ด้วยอุปกรณ์ใส่แร่ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D printing) สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เป็นการรักษาด้วยสารกัมมันตรังสีที่เป็นมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มมะเร็งนรีเวช ใช้ร่วมกับการฉายรังสีและให้ยาเคมีบำบัด
วิธีนี้จะนำสารกัมมันตรังสีที่เป็นต้นกำเนิดรังสี เข้าไปแนบชิดหรือภายในก้อนมะเร็งโดยตรง ทำให้ส่งพลังงานรังสีได้อย่างแม่นยำในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ยาก ส่งผลให้ก้อนมะเร็งหดเล็กลง และผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"ปัจจุบันมีเพียง โรงพยาบาลศิริราช แห่งเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการรังสีรักษาฯ นี้ได้ โดยหน่วยรังสีรักษา ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลซึ่งจากผลการรักษาผู้ป่วยมะเร็งนรีเวชที่ผ่านมา พบว่า วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและมีผลลัพธ์ทางการรักษาอย่างมีนัยสำคัญ
ด้วยเหตุนี้ บอร์ด สปสช. จึงเห็นควรบรรจุเป็นบริการในระบบบัตรทอง เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งในกลุ่มมะเร็งนรีเวชทั่วประเทศ ได้เข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูงอย่างเท่าเทียม โดยเป็น 1 ใน 2 รายการบริการเพื่อผู้ป่วยมะเร็งที่บอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบพร้อมกับบริการรังสีสามมิติแปรความเข้มด้วยเครื่องเร่งอนุภาคอิเล็กตรอน พร้อมระบบภาพนำวิถีด้วยคลื่นแม่เหล็ก" นายพัฒนา รมว.สาธารณสุข กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ป่วยมะเร็งสิทธิบัตรทอง ในกลุ่มโรคที่เข้าเงื่อนไขเข้ารับบริการรังสีรักษาระยะใกล้ด้วยอุปกรณ์ใส่แร่ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D printing) นี้ มี 5 กลุ่มโรค ได้แก่
มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งเยื่อบุมดลูก
มะเร็งช่องคลอด
มะเร็งปากช่องคลอด
มะเร็งรังไข่
สปสช. กำหนดเป้าหมายจำนวนผู้ป่วยมะเร็งฯ เข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ประมาณ 100 คนต่อปี โดยใช้งบประมาณจากงบบริการกรณีเฉพาะ ปีงบประมาณ 2569 ในรูปแบบเหมาจ่ายรายปีให้โรงพยาบาลศิริราช เพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทองให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าระบบบัตรทองให้ความสำคัญกับการดูแลผู้หญิงไทย ทั้งด้านการป้องกันและการรักษาโรคมะเร็งในกลุ่มนรีเวช โดยในด้านป้องกันได้จัดบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สำหรับหญิงไทยอายุ 30–60 ปี และให้บริการวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) แก่นักเรียนหญิง–นักศึกษาหญิงโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ป่วยแล้ว สปสช. ยังมุ่งยกระดับสิทธิประโยชน์ด้านการรักษา ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูงได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะบริการรังสีรักษาระยะใกล้ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติที่เพิ่งได้รับอนุมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาและคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยมะเร็งสิทธิบัตรทองได้ดียิ่งขึ้น“การขยายสิทธิประโยชน์ครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งในกลุ่มนรีเวชได้รับการดูแลด้วยเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูงสุดอย่างเท่าเทียม และเพิ่มโอกาสในการรักษาได้ดียิ่งขึ้น” เลขาธิการ สปสช. กล่าว