ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่าน้ำวัดโบสถ์ (หลวงปู่เทียน) ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี มีการจัดงานสืบสานประเพณี"ตักบาตรพระร้อยร่วมใจถวายบัว" ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวมอญ หรือชาวไทยรามัญ ที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปีและเป็นประเพณีที่อยู่คู่เมืองปทุม ถือเป็นงานประเพณีแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เป็นการใส่บาตรด้วยดอกบัว โดยพบว่าตั้งแต่ท่าน้ำวัดโบสถ์ มีประชาชนและชาวบ้านที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต่างร่วมกันนำข้าวสารอาหารแห้งและดอกบัว มาใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน 108 รูป ที่ล่องเรือมารับบาตร
โดยบรรยากาศก่อนพิธีพระสงฆ์ ได้สวดพระพุทธมนต์ ให้ศีลให้พรประชาชนที่มาร่วมงานในพิธี หลังจากนั้นพระราชมหาเจติยาภิบาล (เจ้าคุณต่อ) เจ้าอาวาส วัดโบสถ์ จึงได้ลงเรือเพื่อล่องมารับบาตร จากพุทธศานิกชนและตามบ้านเรือนประชาชน ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนที่บริเวณท่าน้ำวัดโบสถ์ พบว่าส่วนใหญ่พุทธศาสนิกชนต่างพาครอบครัว มาร่วมทำบุญในครั้งนี้นับหมื่นคน
นอกจากนี้ยังมี น.ส.พิณทอง เป็นสุข (น้องพิณทอง) รองอันดับ1 นางสาวไทยจังหวัดปทุมธานี ปี 2568 และ น.ส ชนม์นิภา สิทธิฤทัย (น้องน้ำฟ้า) รองอันดับ2 นางสาวไทยจังหวัดจันทบุรี ปี 2568 มาร่วมงาน ตักบาตรพระร้อยร่วมใจถวายบัว สร้างสีสรรค์ความสวยงามภายในงานและยังมีกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต , มหาวิทยาลัยปทุมธานี เข้าร่วมเก็บภาพบรรยากาศภายในงานพิธี ตักบาตรพระร้อยถวายบัว เพื่อเป็นการเผยแพร่ภาพประเพณีของจังหวัดปทุมธานีและได้เรียนรู้วิธีการตักบาตรดอกบัว ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีตักบาตรพระร้อยของชาวไทยรามัญ ที่อยู่คู่จังหวัดปทุมธานีและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในการทำบุญช่วงเทศกาลออกพรรษาของคนไทยอีกด้วย
ทางด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) เกิดศิริ ทองศิริ รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี (อุปนายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดปทุมธานี) ผู้ที่เป็นแม่งานและเป็นผู้ประสานงานและยังเป็นบุคคลที่คิดริเริ่มในการถวายดอกบัวแทนดอกไม้ชนิดอื่น กล่าวเปิดเผยว่า สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองปทุมธานี และสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดปทุมธานี ได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อร่วมส่งเสริมงานประเพณีทำบุญ “ตักบาตรพระร้อยร่วมใจถวายบัว” โดยขอเชิญชวนให้ประชาชนได้ร่วมใจกันทำบุญตักบาตร พร้อมนำดอกบัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปทุมธานี มาถวายพระสงฆ์แทนดอกไม้ชนิดอื่น เพื่อรำลึกถึงเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ได้พระราชทานนามเมืองสามโคกเป็นเมืองประทุมธานี เพราะทรงเห็นดอกบัวบานสะพรั่งอยู่ทั่วไป ดังบทกลอนจากนิราศภูเขาทอง “ถึงสามโคกโศกถวิล ถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบํารุง ซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อประทุมธานีเพราะมีบัว” ดังนั้นประเพณีนี้จึงเป็นประเพณีเก่าแก่อันทรงคุณค่า ที่จังหวัดปทุมธานี และพี่น้องชาวจังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมกันสืบสานและยึดถือปฏิบัติสืบต่อมา