ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เดินหน้าจับมือภาคสื่อมวลชนอย่างเร่งด่วน หลังนโยบายปลดล็อก "พืชกระท่อม" สร้างโจทย์ใหญ่ด้านความมั่นคงและสังคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดกิจกรรมพิเศษ "จากใจ เลขาธิการ ศอ.บต. ขอบคุณสื่อมวลชนที่ขับเคลื่อนภารกิจยาเสพติดและกระท่อม" เพื่อเปิดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองและถอดบทเรียนการบริหารจัดการนโยบายดังกล่าว ยอมรับเป็นวาระสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข หลังพบเยาวชนเข้าถึงง่ายและเริ่มส่งผลกระทบต่อครอบครัวและชุมชน
นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทน พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในการจัดกิจกรรมนี้ เพื่อกล่าวขอบคุณและให้กำลังใจแก่สื่อมวลชนที่ได้ทุ่มเทขับเคลื่อนภารกิจสำคัญด้านยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นร้อนอย่าง "งาน 120 วัน วาระพืชกระท่อม" ซึ่งกำลังเป็นที่จับตาของสังคมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
นายอัมรัน แมหะ เลขาธิการ สมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของสื่อมวลชนในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคมเกี่ยวกับนโยบายปลดล็อกพืชกระท่อม ซึ่งแม้จะถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด แต่กลับสร้างความกังวลอย่างสูงในด้านสังคมและกลุ่มเยาวชนในพื้นที่
เวทีเสวนาแรกในหัวข้อ "วาระพืชกระท่อม" ในมุมมองสื่อมวลชน 3 จังหวัด กลายเป็นโอกาสสำคัญที่สื่อมวลชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสะท้อนสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงอย่างตรงไปตรงมา
ตัวแทนสื่อมวลชนที่ร่วมเสวนา ได้แก่ นางสาวมาศสุภา นาคสิงห์ (ผู้อำนวยการ NBTยะลา), นางสาวปฑิตตา โหนกกะโทด (ผู้สื่อข่าวจังหวัดนราธิวาส), นายสาเล็ม ครู (ผู้แทนสื่อมวลชนจังหวัดปัตตานี) และ นายคถาวุฒ แช่ม (ผู้แทนสื่อมวลชนจังหวัดยะลา) ต่างประสานเสียงถึง "สภาพปัญหาการใช้พืชกระท่อมในกลุ่มเยาวชน" และการเข้าถึงที่ง่ายดายขึ้นอย่างน่ากังวล โดยชี้ว่า ปรากฏการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบต่อ "ความมั่นคงทางสังคมและครอบครัว" ในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรง ซึ่งกลายเป็นโจทย์ใหญ่และเร่งด่วนที่ ศอ.บต. และหน่วยงานความมั่นคงต้องรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ
ในเวทีเสวนาที่สอง หัวข้อ "บทเรียนพืชกระท่อมและความคาดหวังต่อการสื่อสาร" ตัวแทนจาก ศอ.บต. นำโดย นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ (ผอ. กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง), นายอิบรอเหม เบ็ญนา (ผอ. สำนักงานเลขานุการ ผอ.กสม.), นายหัสนี เจ๊ะนิ (ผอ. กลุ่มงานอำนวยการและบริหาร กสม.) และ นายสายนูดิน มามุ (หัวหน้างานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและอำนวยความเป็นธรรม) ได้ร่วมกันถอดบทเรียนการบริหารจัดการนโยบายพืชกระท่อม
นางสาวมาศสุภา นาคสิงห์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดยะลา (NBT ยะลา) ได้เปิดเผย "มุมมองจากคนภาคกลาง" ที่เคยมีทัศนคติว่ากระท่อมเป็นเพียง "ยาเสพติด" มาก่อน ว่า ภาพที่ปรากฏภายหลังการประกาศปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดนั้น "การเข้าถึงที่ง่ายดายและแพร่หลายเกินความคาดหมาย" โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน กลายเป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง หัวใจสำคัญของการป้องกันที่ผอ. NBT ยะลา เน้นย้ำคือ "การสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนรับรู้โทษตั้งแต่เด็ก" โดย ผอ. NBT ยะลา เสนอให้มีการผนึกกำลังกับหน่วยงานหลักอย่าง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเข้ามาควบคุมการใช้ให้ชัดเจน และเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของกระท่อมในบริบทที่ถูกกฎหมาย แม้จะชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า แต่นางสาวมาศสุภา มองว่าการเดินหน้าทำงานร่วมกันระหว่าง ศอ.บต. และสื่อมวลชนในครั้งนี้ "เดินมาถูกทางแล้ว"
อย่างไรก็ตาม ผอ. NBT ยะลา กล่าวทิ้งท้ายโดยตั้งคำถามถึงความยั่งยืนว่า ไม่ควรให้ความพยายามนี้จบลงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เพียง "120 วัน" แต่ควรทำให้เป็นภารกิจต่อเนื่อง "ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ แล้วทำอะไรก็ได้ที่มันเข้าใจมากยิ่งขึ้น ง่ายมากยิ่งขึ้น"
นายธีรวิทย์ ยืนยันว่า การขับเคลื่อนวาระกระท่อมของ ศอ.บต. จะดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น ตามทิศทางของรัฐบาลและนโยบายของ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า "ท่านเลขาฯ ท่านก็เดินเรื่องนี้ต่อ... เราก็คงขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อ แต่ต้องขับเคลื่อนในเรื่องของ เชิงคุณภาพ"
สิ่งที่น่าสนใจคือการตั้งเป้าหมายเชิงรุกที่กำหนดกรอบเวลาชัดเจน โดย นายธีรวิทย์ เผยว่า มีความคาดหวังว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ หรือในอีก 3 เดือนข้างหน้า ศอ.บต. ต้องการ "เคลียร์เรื่องกระท่อม" และให้การขับเคลื่อนนี้เป็น "ของขวัญ" ให้กับพ่อแม่พี่น้องชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้
"เราอยากจะ คืนความสุข จริง ๆ อยากจะให้ครอบครัว อยากจะให้พื้นที่ได้เห็นว่า อีก 3 เดือน ช่วงปีใหม่ เราอยากจะเคลียร์เรื่องกระท่อม... ให้การขับเคลื่อนเรื่องกระท่อม เป็นของขวัญ ให้กับพ่อแม่พี่น้องชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้" นายธีรวิทย์กล่าว พร้อมเสริมว่า การคืนความสุขนี้ต้องเป็นไปในลักษณะที่ชาวบ้าน "เห็นเอง รู้เอง" โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตัวชี้วัดใด ๆ มากดดัน
ในเชิงยุทธศาสตร์ นายธีรวิทย์ ได้วิเคราะห์สถานการณ์อย่างชัดเจนว่า ปัญหายาเสพติดในวันนี้ได้ "ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง" และปัญหาพืชกระท่อมถูกมองว่าเป็น "มาถูกทาง" ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ เพราะในขณะที่ ศอ.บต. ให้ความสำคัญกับวาระกระท่อม ยาเสพติดชนิดอื่น ๆ เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ ก็ "ถูกกระตุ้นเดือด" และเจ้าหน้าที่ก็ต้องถูกขับเคลื่อนเรื่องราวเหล่านั้นไปด้วย
"ปัญหายาเสพติดกับปัญหาสถานการณ์กับปัญหาความมั่นคงเนี่ย มันทักซ้อนกัน แบบแยกกันไม่ได้... ในอดีตเราอาจจะไปเป็นคู่ต่อสู้กับอีกกลุ่มนึง แต่วันนี้คู่ต่อสู้ของเราก็เป็นอีกกลุ่มนึง แต่เป็นกลุ่มที่ หนุนเสริมซึ่งกันและกัน" ดังนั้น การทำเรื่องกระท่อม จึงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะ "กระทบกับมิติอื่น ๆ" และสามารถสร้างแรงกดดันต่อขบวนการค้ายาเสพติดโดยรวมในพื้นที่ได้
นายธีรวิทย์ ชี้แจงถึงบทบาทของ ศอ.บต. ในฐานะหน่วยงาน "ประสาน" ที่จะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยจะมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งสื่อมวลชน ภาคศาสนา ภาคการศึกษา และหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังมีการขอความร่วมมืออย่างตรงไปตรงมาจากภาคสื่อมวลชนของ ศอ.บต. ให้ "โฟกัส" และ "ชูประเด็นเรื่องกระท่อมให้ชัด" เนื่องจากเป็นประเด็นที่มีน้ำหนักและสามารถเป็นจุดเริ่มต้นในการไปแตะเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตได้ง่ายกว่า
นายธีรวิทย์ ทิ้งท้ายด้วยการเน้นย้ำถึง "พลังของสังคมสื่อ" ว่าเป็นสิ่งที่ ศอ.บต. มองว่า "มีพลังมาก มีบทบาทมาก และสามารถที่จะชี้ นำ ได้" โดยหวังว่าพลังนี้จะถูกใช้ไปในทิศทางที่เหมาะสมที่สุดเพื่อสร้างความสมานฉันท์และทำให้บ้านเมืองดีขึ้น และยืนยันว่า ศอ.บต. จะไม่หยุดคุยเพียงปีละครั้ง แต่จะมีการหารือและทำงานร่วมกับสื่อมวลชนอย่างสม่ำเสมอในอนาคต