ประชาชน หนุนรัฐบาลอนุทิน ฟื้นโครงการ “คนละครึ่ง” กระตุ้นเศรษฐกิจ–ลดค่าครองชีพ
หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ประกาศนโยบายเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ เพิ่มรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการลดค่าครองชีพ โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือการนำ โครงการคนละครึ่ง กลับมาใช้อีกครั้งในรูปแบบปรับปรุงใหม่ หลังจากเคยได้รับเสียงตอบรับที่ดีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่เมืองพัทยา
วันนี้ (9 ก.ย.68 ) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการกลับมาของโครงการคนละครึ่ง ของรัฐบาลชุกใหม่ ภายใต้การบริหารของอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย โดยนายนิพนธ์ ศรีรัฐกานต์ชัย พ่อค้าขายข้าวแกง กล่าวว่า เชื่อว่าหากมีการนำโครงการคนละครึ่งกลับใช้อีกครั้งถือเป็นเรื่องที่ดี ด้วยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าขายให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน ทั้งนี้อยากฝากรัฐบาลชุดใหม่หากมีการฟื้นโครงการดคนละครึ่งก็อยากให้เพิ่มยอดเงินในการใช้จ่าย
ด้าน นางสาวมลิวัลย์ สุโนนคุณ แม่ค้าข้าวแกง กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งถือเป็นโครงการที่ดี ซึ่งครั้งที่แล้วที่มีการนำโครงการนี้มาใช้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น สามารถกระตุ้นการจับจ่ายทั้งคนซื้อและคนขายได้เป็นอย่างมาก สามารถกระจ่ายรายได้และลดภาระค่าครองชีพในครั้งเรือนได้เป็นอย่างดี จึงยากให้มีการนำโครงการคนละครึ่งกลับมาใช้อีก ประชาชนทุกคนก็เรียกร้องอยากให้มีโครงการนี้อีก เชื่อว่าหากมีการนำโครงการคนละครึ่งมาใช้จะทำให้การค้าขายคล่องตัวมากขึ้นและยังช่วยลดค่าครองชีพให้ลูกค้าได้อีกทางหนึ่งและดีกว่าโครงการอื่น ๆที่มีมา “โครงการคนบะครึ่งถือเป็นโครงการที่สุดยอดมาก”
ขณะที่ นายเสรีกิจ เยี่ยมชัยภูมิ พ่อค้าขายผลไม้ กล่าวว่า อยากให้โครงการคนละครึ่งกลับมามากเลย ด้วยจะมีกำลังซื้อมากขึ้น คนซื้อกล้าใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจเงียบเหงาการจับจ่ายใช้สอยซบเซาและไม่มีอะไรที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาเลย หากโครงการคนละครึ่งกลับมาเชื่อ100%ว่าการค้าขายจะดีขึ้น ประชาชนทุกคนอยากให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบนี้ อีกทั้งพ่อ-แม่ค้าก็จะมียอดขายมากขึ้นตาม และจะไม่เงียบเหงาเหมือนที่ผ่าน
ทั้งนี้สำหรับโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ประชาชนตอบรับ โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ดำเนินการมา 5 เฟส รวมวงเงิน 234,500 ล้านบาท ในระหว่างปี 2563-2565 เพื่อบรรเทาค่าครองชีพในช่วงโควิด-19