วันที่ 3 กันยายน น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไม่ว่าทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปทางใด แต่สำหรับกรมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนงานที่จัดเตรียมไว้ ไม่ว่ารัฐมนตรีจะเป็นท่านใดภารกิจก็คงเหมือนเดิม ที่เน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการและขับเคลื่อนการส่งออก เพียงอาจมีการปรับตามนโยบายรัฐบาลหากมีการเปลี่ยนแปลงประเด็นใดๆ
ทั้งนี้ ในแผนปีงบประมาณ 2568 กรมฯได้ตั้งเป้าหมายในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้ากว่า 510 โครงการ 700 กิจกรรม ทั้งในและต่างประเทศ และคาดว่าจะสร้างมูลค่ารวม 92,363 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินการ 7 เดือนแรกของปี สามารถสร้างมูลค่ากว่า 156,522 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และมีผู้ประกอบการกว่า 226,790 ราย ได้รับประโยชน์ และคาดช่วงเวลาที่เหลือของปีจะสร้างมูลค่าเพิ่มการค้าอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ผลงานสำคัญ อาทิ งานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศ 6 งาน มูลค่ากว่า 110,300 ล้านบาท พร้อมจัดโครงการ Special Task Force (STF) ส่ง 5 คณะเจาะตลาดใหม่ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ ลาตินอเมริกา แอฟริกา เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง คาดสร้างมูลค่าการค้า 1,600 ล้านบาท จัดตั้ง ศูนย์บริการ MOC One Stop Service (OSS) รวม 12 หน่วยงาน ณ อาคารกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถนนรัชดาภิเษก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการรับมือกับสถานการณ์การค้าที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และจัดโครงการใหม่เพื่อรับมือกับนโยบายการค้าสหรัฐฯ อาทิ USA–Thailand Online Business Matching สร้างมูลค่า 190 ล้านบาท และ Thailand–Global Connect สร้างมูลค่ากว่า 518.88 ล้านบาท จัดโครงการยกระดับ Thai SELECT ขับเคลื่อน Soft Power 3 สาขาหลัก ได้แก่ เกม หนังสือ และการออกแบบ ซึ่งเดือนตุลาคมประเทศไทยได้รับสิทธิ์จัดงานต่อจาก Gamescom 2025 ประเทศเยอรมนี เป็นครั้งแรก
น.ส.สุนันทา กล่าวว่า สำหรับปีงบประมาณ 2569 กรมฯ ตรียมดำเนินงาน 570 โครงการ กว่า 700 กิจกรรม และตั้งเป้าสร้างรายได้ 141,881 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ประกอบการกว่า 294,475 ราย โดยมี 3 แนวทาง ได้แก่ เร่งบุกตลาดใหม่ทั่วโลก เสริมศักยภาพ SMEs ให้ทันสมัยในยุคดิจิทัล และ ปฏิรูประบบบริการสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมเตรียมจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศ 6 งานใหญ่ เช่น Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 73–74, THAIFEX–HOREC Asia 2026, THAIFEX–Anuga Asia 2026, TILOG–LogistiX 2026 และ Bangkok RHVAC & E&E 2026
สำหรับประเด็นปัจจัยเสี่ยงที่ภาคเอกชนแสดงความกังวล คือ 1.กำลังซื้อและการค้าในประเทศคู่ค้าเริ่มฝืดและอาจชะลอการนำเข้าสินค้าไทยในอนาคต 2.ปัญหาโลจิสติกส์มีความลำบากมากขึ้น 3. ค่าเงินบาทแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งมีต่อความสามารถแข่งขันด้านราคาของไทย อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การส่งออกช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งมีปัจจัยจากการเร่งนำเข้าก่อนสหรัฐประกาศอัตราภาษีนำเข้า ทำให้รายได้ส่งออกสูงกว่าคาดการณ์ ดังนั้น จะมีหารือกับภาคเอกชนเพื่อทบทวนเป้าหมายกันต่อไป ซึ่งกิจกรรมเร่งหาตลาดใหม่ เชื่อว่าจะผลักดันสร้างมูลค่าเพิ่มได้เกิน 1.4 แสนล้านบาท ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้