นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)กล่าวเปิดงานว่า เกษตรกรไทยยังต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐบาลและธ.ก.ส. ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินโครงการต่างๆ ผ่าน ธ.ก.ส. เพื่อดูแลเกษตรกร
ไม่ว่าจะเป็น โครงการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว โครงการไร่ละพัน การช่วยเหลือภาคประมง ส่งเสริมชาวไร่ตัดอ้อยสด รวมถึงมาตรการชดเชยภัยพิบัติ ซึ่งถือเป็นแนวทางความช่วยเหลือที่สร้างภาระงบประมาณของภาครัฐและไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืนนัก อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้าเกษตรกรยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายมิติ ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่รุนแรงและซับซ้อน อาทิ ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (IUU) การทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ลดภาษีสินค้านำเข้าเป็น0% ทำให้สินค้าเกษตรบางรายการจากต่างประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่าเข้ามาแย่งตลาดในไทย
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงกติกาการค้าโลกอีกหลายเรื่องที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษีคาร์บอนข้ามพรมแดน (C-BAM) ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ “การแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และแนวทางใหม่ๆ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ ธ.ก.ส. จะเข้ามาร่วมส่งเสริมให้เกษตรกรก้าวสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะการยกระดับศักยภาพของเกษตรกรรายย่อยให้เป็นผู้ประกอบการธุรกิจ”
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า ธ.ก.ส. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการเป็น พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา เราเคียงข้างเกษตรกรไทยมาโดยตลอด ไม่เพียงแต่เป็นผู้ให้สินเชื่อ แต่เราเป็น “ องค์รวม เนื้อเดียวกัน ซึ่งไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ” เราร่วมสร้างโอกาส เติมความรู้ และสร้างความมั่นคงในชีวิตให้พี่น้องเกษตรกร อย่างไรก็ตาม วันนี้ โลกเกษตรกรรมเผชิญความท้าทายมาโดยตลอด จากการแข่งขันด้านเทคโนโลยีการผลิต การตลาด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความเปราะบางจากการสูงอายุของเกษตรกร ลูกหลานเกษตรกรออกจากภาคการเกษตร และ Perception ของคนทั่วไปที่มองงานด้านเกษตรเป็นงานที่หนักและมีรายได้น้อย
ธ.ก.ส.จึงต้องปรับตัวและปรับบทบาทในการเป็นกลไกสำคัญเพื่อยกระดับภาคเกษตรสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ให้เติบโต ภายใต้แนวคิด ‘Essence of Agriculture’ หรือ ‘แกนกลางการเกษตร’ ใช้จุดแข็งของ ธ.ก.ส. คือ “คนของเรา รักลูกค้า และ ลูกค้าเชื่อเรา”
โดยมี 4 แกนที่สำคัญ คือ การสนับสนุนเงินทุนเพื่อภาคการเกษตร (Funding) การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและการทำการเกษตรแบบใหม่ (Technology)
การพัฒนาตลาดและองค์ความรู้ (Knowledge & Marketing) การยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Value Added) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อมุ่งสู่การเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ภายใต้ความท้าทายทั้งจากภายในที่ ธ.ก.ส. ต้องปรับวิธีคิด ปรับวิธีการทำงาน ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและส่งมอบการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพสูง ทำให้เกษตรกรฟื้นตัวได้เร็ว ไม่ใช่การผลักภาระของเกษตรกรออกไปเรื่อยๆ ผ่านมาตรการบริหารจัดการหนี้ หรือการให้สินเชื่อที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง ซึ่งจะกลายเป็นภาระของเกษตรกรมากกว่าการช่วยเหลือให้ฟื้นได้อย่างแท้จริง ขณะที่ปัจจัยภายนอกองค์กรที่โลกการเกษตรได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ผู้บริโภคต้องการของคุณภาพสูง Easy to Consume : Finished Goods การตลาดที่ใช้เทคโนโลยี Logistic ที่สะดวก ไม่ใช่การตั้งแผงขายแบบเดิม
อีกทั้งทุนใหญ่ที่กำหนดกลไกทางการตลาดไว้หมด การผลิตที่มุ่งเข้าสู่ Modern Trade มีค่า GP ที่สูงมาก การส่งเสริมให้ผลิตปริมาณมากๆ ราคาต่ำ จนเกษตรกรกลายเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และมี Ecosystem อย่างแท้จริง“ธ.ก.ส. ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับธนาคารและลูกค้า ผ่านการเสวนาฉากทัศน์ของ ธ.ก.ส. ในอนาคตร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคารทุกกลุ่ม ได้ร่วมรับฟังแนวคิดจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมกันจุดประกายความคิดในการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรและชุมชนอย่างยั่งยืน”