วันนี้ 31 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ด้วยจังหวัดกาญจนบุรีได้รับเกียรติจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้ดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 51 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 1-9 กันยายน 2568 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว) ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันฯ ร่วม โดยมีทีมชาติไทย ทีมชาติอิรัก ทีมชาติฮ่องกง และทีมชาติฟิจิ เข้าร่วมการแข่งขัน
จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ว่า คณะผู้ฝึกสอนและนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย มีกำหนดการเดินทางมาถึงจังหวัดกาญจนบุรี โดยเข้าสักการะศาลหลักเมืองกาญจนบุรี และถ่ายภาพร่วมกับคณะผู้บริหารจังหวัดกาญจนบุรี ในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2568 เวลา 12.00-12.10 น. ณ ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี
ในการนี้ จังหวัดกาญจนบุรี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี จึงขอเชิญชวนคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ พี่น้องและแฟนกีฬาฟุตบอลทั้งชาวจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมให้การต้อนรับและถ่ายภาพร่วมกับคณะผู้ฝึกสอนและนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ในวัน เวลาและสถานที่ดังกล่าว อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อให้การต้อนรับเป็นไปด้วยความอบอุ่น
สำหรับโปรแกรมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 วันพฤหัสบดีที่ 4 ส.ค.68 เวลา 16.00 น.ทีมชาติ อิรัก พบ ทีมชาติฮ่องกง เวลา 20.00 น.ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติฟิจิ ที่สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว) ทีมชนะจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 7 ก.ย.เวลา 20.00 น.ส่วนทีมแพ้เข้าชิงอันดับ 3 เวลา 16.00 น.ของวันเดียวกัน แฟนฟุตบอลที่ไม่สามารถเดินทางมาดูที่สนามได้ สามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดได้ทาง TrueVisions NOW, ไทยรัฐ ทีวี และ BG Sports มาลุ้นกันว่าทีมชาติไทยจะสามารถป้องกันแชมป์การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว)เอาไว้ได้หรือไม่ ต้องมาเชียร์ไปพร้อมๆกัน
สำหรับการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 เป็นการแข่งขันระดับ FIFA International ‘A’ Match และมีการนับคะแนนฟีฟ่าแรงกิ้ง ในระดับ Tier 1 และถือว่าเป็นการแข่งขันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีเงินรางวัลสำหรับทีมชนะเลิศ 2,000,0000 บาท และ ทีมรองชนะเลิศ 1,000,000 บาท นอกจากนี้ทุกนัดจะนำเทคโนโลยี VAR มาช่วยในการตัดสินอีกด้วย เชื่อว่าช่วงการแข่งขันบรรยากาศของกองเชียร์แต่ละชาติจะต้องคึกคักและสนุกสนานอย่างแน่นอน