นักศึกษาบัญชีดิจิทัล DPU-CIBA คว้า 2 รางวัลใหญ่ระดับชาติ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการผลิตบุคลากรคุณภาพสูง
เช้าวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2568 นักศึกษาจากหลักสูตรบัญชีดิจิทัล วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัลชมเชยอันดับ 1 จากผู้เข้าแข่งขันกว่า 38 ทีม ในรายการการแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการด้านบัญชีระดับมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 18 ซึ่งจัดโดยสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สำหรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 สมาชิกได้แก่ นายณรงค์ฤทธิ์ ขุนพิทักษ์, นายณัฐภัทร บุญญาอรุณเนตร และ นางสาวชุติมณฑ์ ใจตรง ในขณะที่รางวัลชมเชยอันดับ 1 ได้แก่ นายภูมิบดินทร์ วรรณพงษ์, นางสาวกนกวรรณ ไตรเพิ่ม และ นางสาวกันต์กนิษฐ์ สุขสะอาด
โดยการแข่งขันนี้จัดโดยสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) ซึ่งเป็นเวทีระดับประเทศของสภาวิชาชีพบัญชี และทีม CIBA-DPU ได้แสดงศักยภาพที่โดดเด่นตลอดสองปีที่ผ่านมา ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 เมื่อสองปีที่แล้ว และรองชนะเลิศอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว สำหรับปีนี้ ทีม DPU ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และยังเป็นทีมเดียวที่ได้รับรางวัลชมเชยอันดับ 1
อาจารย์ ดร. เปรมารัช วิลาลัย อาจารย์ประจำผู้รับผิดชอบหลักสูตรบัญชีดิจิทัล และผู้ดูแลโครงการดังกล่าว CIBA-DPU เปิดเผยว่าความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากความพยายามของทั้งอาจารย์และนักศึกษาที่มุ่งมั่นร่วมกัน รวมถึงทีมโค้ช ซึ่งคือคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เราภูมิใจอย่างยิ่งที่สามารถพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาให้เป็นมืออาชีพได้ การได้เห็นเด็กๆ ทุ่มเทอย่างเต็มที่ทำให้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะนักศึกษาเหล่านี้มี Passion สูง รักในวิชาชีพการบัญชี และต้องการท้าทายความสามารถของตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้มาสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้
“ความสำเร็จที่เกิดขึ้นยังเป็นผลจากการเตรียมตัวอย่างเข้มข้นหลายสัปดาห์ โดยเริ่มจากการคัดเลือกนักศึกษาที่มีพื้นฐานดีและมีความสนใจในสายวิชาชีพบัญชี ทีมได้รับการฝึกซ้อมจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เช่น บัญชีขั้นสูง ภาษีอากร การวิเคราะห์ข้อสอบ การวิเคราะห์งบการเงิน การบัญชีบริหารและต้นทุน รวมถึงการเชิญวิทยากรภายนอกมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และเทคนิคต่างๆ”
การฝึกซ้อมเน้นการใช้โจทย์จริงและการจำลองสถานการณ์ เพื่อให้นักศึกษาสามารถคิดได้เร็วและตอบได้อย่างมั่นใจ โดยมีการวิเคราะห์จุดอ่อนของนักศึกษาแต่ละคน และปรับแผนการฝึกซ้อมให้ตรงจุด โดย “สิ่งที่สำคัญที่สุด” สำหรับการแข่งขันในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาที่ทำให้ของเราประสบความสำเร็จก็คือ “การแบ่งบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจนในทีมค่ะ ใครถนัดเรื่องใด รับผิดชอบเรื่องนั้น เพราะการแข่งขันจริงนั้นมีเวลาจำกัดมาก เพียง 1-3 นาที ในการตอบคำถามแต่ละข้อ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเก็บคะแนนให้ได้อย่างรวดเร็ว”
นักศึกษาแต่ละคนมีความถนัดในวิชาบัญชีที่แตกต่างกัน เช่น ผู้ที่ถนัดด้านมาตรฐานการรายงานทางการเงินจะดูแลเรื่องมาตรฐานบัญชี ส่วนผู้ที่เก่งด้านการสอบบัญชีจะดูแลเรื่องเครื่องมือการตรวจสอบ และผู้ที่ถนัดเรื่องภาษีหรือต้นทุนก็จะรับผิดชอบในส่วนนั้นๆ แม้จะมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็ยังคงเป็นกำลังสนับสนุนที่ดีให้แก่กัน โดยไม่ทิ้งวิชาอื่นๆ ไปเลย
ดร.เปรมารัช ยังกล่าวเสริมถึงประโยชน์ที่นักศึกษาได้รับจากการแข่งขันครั้งนี้อีกว่า “การแข่งครั้งนี้ยังช่วยให้นักศึกษาได้ครบทุกทักษะการทำงานเลย” เพราะการแข่งขันนี้เป็นการจำลองการทำงานจริงในสายบัญชี ซึ่งต้องอาศัยการประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ เช่น บัญชีเจ้าหนี้และจ่าย (AP), บัญชีลูกหนี้ (AR), บัญชีแยกประเภท (GL) และบัญชีสินทรัพย์ โดยทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันองค์กรไปข้างหน้า
นอกจากทักษะทางวิชาชีพแล้ว นักศึกษายังได้รับทักษะด้าน soft skills เช่น ความอดทน การรู้แพ้รู้ชนะ การทำงานเป็นทีม และการเรียนรู้จากความผิดพลาด “เวทีนี้เราพลาดได้ เดี๋ยวเราไปใหม่ เวทีใหญ่กว่านี้ ไปที่สภาชีพบัญชีด้วยกัน” ดร. เปรมารัช ระบุ การปลูกฝังทัศนคติเชิงบวกในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
อาจารย์ผู้ดูแลโครงการ ยังเผยว่า รางวัลจากการแข่งขันนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็น "ใบเบิกทาง" ที่มีคุณค่าสำหรับการทำงานในอนาคต เนื่องจากผู้ประกอบการในสายงานบัญชีให้ความสำคัญกับประวัติการแข่งขันจากเวทีที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานและอาจส่งผลดีต่อค่าตอบแทน นอกจากนี้หลังการแข่งขัน นักศึกษาที่เข้าร่วมยังได้แบ่งปันประสบการณ์ แนวทางการแก้โจทย์ และบทเรียนจากสนามจริงให้กับเพื่อนร่วมหลักสูตร เพื่อกระจายความรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับรุ่นน้องต่อไป
ในด้านการสนับสนุนทางมหาวิทยาลัยยังมีการมอบเงินรางวัลเพิ่มเติม เพื่อเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตนเอง โดยใช้โอกาสนี้ในการสอนให้นักศึกษาเข้าใจถึงแรงจูงใจในการทำงานจริง ซึ่งรางวัลดังกล่าว เช่น รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ที่มีมูลค่าสูงถึงหลักหมื่นบาท ถือเป็นการสนับสนุนที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับนักศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม ทีมยังต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน เช่น เนื้อหาการแข่งขันที่กว้างขวาง และเวลาซ้อมที่จำกัด แต่ก็สามารถรับมือได้ด้วยการปรับกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การปรับเวลาซ้อมให้ยืดหยุ่น การแบ่งหัวข้อการติวของอาจารย์อย่างชัดเจน และการสนับสนุนให้นักศึกษาได้พูดคุยทบทวนร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานนักศึกษาที่มีประสบการณ์จากปีก่อนกับนักศึกษาใหม่ เพื่อช่วยผลักดันซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ดร. เปรมารัช กล่าวถึงด้วยความภาคภูมิใจว่า “เด็กปี 1 คนนี้เก่งมากค่ะ เกินความคาดหมายเลย” โดยสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างโดดเด่นและเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้สำเร็จ
สำหรับก้าวต่อไปของหลักสูตร โดยเฉพาะในภาคเรียนที่ 1/2568 นี้ ดร. เปรมารัช เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเตรียมจัดตั้ง “โค้ชด้านภาษี” เพื่อเสริมความรู้เชิงลึกให้กับนักศึกษา โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้ความรู้ภาษีในสถานการณ์จริง ซึ่งมักมีความซับซ้อนและไม่ตรงตามหลักการในตำราเสมอไป “แม้ประมวลรัษฎากรจะเป็นพื้นฐานสำคัญ แต่ในงานจริง ปัญหาภาษีที่นักศึกษาพบอาจไม่ตรงกับหลักการ 100%” การจัดตั้งโค้ชในลักษณะเฉพาะทางแบบนี้จะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจบริบทของการทำงานจริงมากขึ้น และสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นใจ
ดร.เปรมารัช ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่า “เราเชื่อในตัวเด็กค่ะ เชื่อว่าเขาจะไปได้ไกลกว่านี้อีก” พร้อมย้ำว่า “ความสำเร็จในเวทีแข่งขันไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย” แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตในสายวิชาชีพ และเป็นบทพิสูจน์ว่า เมื่อมีการสนับสนุนที่เหมาะสม นักศึกษาก็สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่