ภาคท่องเที่ยว ระบุบ ภาษีใหม่สหรัฐฯ 19% ไม่น่าห่วงเท่าสถานการณ์ปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาท่องเที่ยว วอนรัฐเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและแก้ไขเงินบาทแข็ง
นาย ธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี เปิดเผยมุมมองภาษีใหม่สหรัฐเมริกา 19% ที่จะเริ่ม 7 สิงหาคมนี้และสถานการณ์ปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ต่อการท่องเที่ยว ว่า สำหรับการเก็บภาษีใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ โดยประเทศไทยถูกเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าสินค้า 19% จากเดิม 36% ภาษีใหม่นี้มีผลคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. เป็นต้นไปนั้นด้วยธุรกิจโรงแรมนั้นมีการใช้สินค้านำเข้าจำนวนมาก ซึ่งหากสินค้าบางรายการที่มีการนำเข้าจากสหรัฐอเมริการแล้วภาษีเป็น 0 % ก็จะส่งผลดีต่อการทำธุรกิจในการลดต้นทุนสินค้าในบ้างประเภท โดยผลที่ออกมาของภาษีใหม่สหรัฐนั้นเป็นผลดีเกินคาดด้วยได้มีการเตรียมใจตั้งแต่การเรียกเก็บภาษีนำเข้า 36 % มาเป็น 19 %ถือว่าดีเกินคาด
ทั้งนี้ในเรื่องสถานการณ์ปะทะชายแดนไทยกัมพูชาที่เกิดขึ้นพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากหลายโรงแรมมีการสอบถามมาตามช่องทางต่าง ๆ ของโรงแรมเกี่ยวกับความปลอดภัยในพื้นที่ชลบุรีและเมืองพัทยาว่ายังสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้หรือไม่มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ซึ่งภาคท่องเที่ยวได้มีการส่งเอกสารทางราชการที่มีการยืนยันถึงความปลอดภัยไปให้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งนี้จากการสอบถามผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ อย่างตราด จันทบุรี พบว่าได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะที่เกิดขึ้นการเข้าพักหายไปถึงครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้ประกอบการเฝ้ารอคือช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นปกติจะมีตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลหนีหนวามาเมาจำนวนมาก แต่หากเหตุการณ์การปะทะยังไม่ยุตินักท่องเที่ยวจะมีความหวาดกลัวหวั่นประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่ทางการท่องเที่ยวฉวยโอกาสดึงนักท่องเที่ยวไป ขณะนี้ในส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากช่วงที่แย่สุดมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 8,000-9,000 คน ขยับขึ้นมา 12,000-13,000 คน นอกกจานี้ภาคท่องเที่ยวก็มีการทำโรดการท่องเที่ยว เมืองลองของประเทศจีน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี แต่สิ่งที่นักท่องเที่ยวยังมีความกังวลต่อการเดินทางท่องเที่ยวคือเรื่องสถานการณ์ปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ความปลอดภัยและค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทำให้เป็นปัจจัยใจต่อการตัดสินใจในการเดินทางมาท่องเที่ยว จึงอยากให้ฝากรับเร่งแก้ไขปัจจัยเหล่านี้
ด้านนายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้บริหารในเครือฟลิปเปอร์พัทยา เปิดเผยว่า ในส่วนเรื่องที่ประเทศไทยถูกเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าสินค้า 19% จากเดิม 36% ภาษีใหม่นี้มีผลคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.นั้นยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยว แต่อาจจะมีผลกระทบทางอ้อมที่สินค้าการส่งออกเก็บ 19 % ซึ่งก็ถือว่าสูงอยู่ในส่วนของผู้ประกอบการSMEที่จะได้รับผลกระทบจึงมองว่าการภาษีใหมีของสหรัฐฯจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจโดยรวมเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจัยหลักนั้นจะเป้นในเรื่องเศรษฐกิจภัยในประเทศที่ย่ำแย่ในขณะนี้ที่จะมาซ้ำเติมในเรื่องของการส่งออกผู้ประกอบการต้องดิ้นรน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภัยในประเทศประชาชนก็มีการชะลอการใช้จ่าย มากขึ้น จากเดิมที่มีการชะลอการใช้จ่ายอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการชะลอการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างการท่องเที่ยวที่จะได้รับผลกระทบในทางอ้อม แต่ภาพรวมของการท่องเที่ยวนั้นสิ่งที่น่ากลัวกว่าการประกาศเก็บภาษีใหม่ของสหรัฐฯจะเป็นในเรื่องของเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งนักท่องเที่ยวมองว่าประเทศไทยมีสงคราม จนเกิดการชะลอการเดินทางและมีการสอบถามถึงสถานการณ์เข้ามาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยว แม้ขณะนี้จะไม่ได้กระทบในภาพรวมาก แต่หากเหตุการณ์ยังไม่ยุติและมีการลากยาวต่อไปจะส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวในระยะยาว
ซึ่งขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบที่นักท่องเที่ยวจีนหายไป มาผนวกกับเหตุปะทะไทยกัมพูชา รวมถึงช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่นทุกอย่างเข้ามาพร้อมๆกันทำให้การท่องเที่ยวพัทยาซบเซาพอสมควร อย่างโรงแรมในเครือฟลิปเปอร์พัทยา ตัวเลขนักท่องเที่ยวหายไปถึง 20 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งผ่านมาได้มีการปรับตัวในการประกอบธุรกิจมาตั้งแต่บทเรียนโควิด-19 ทั้งในเรื่อง Manpower การใช้ลดต้นทุน แม้ ตัวเลขนักท่องเที่ยว 20 %ที่หายไปนั้นการประกอบธุรกิจยังพอเดินหน้าได้แต่หากสถาณการณ์ ต่าง ๆ ทั้งการปะทะ และตัวเลขนักท่องเที่ยวที่หายไปยังไม่ฟื้นกลับมาท่องเที่ยวในไทย ผู้ประกอบการต้องมีการปรับตัวกันครั้งใหญ่เป็นอย่างแน่น