“อลงกรณ์”ย้ำเศรษฐกิจเกษตรต้องแข็งแกร่งไม่ว่าจะเผชิญสงครามหรือสันติภาพในภาวะโลกร้อนโลกรวน
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมการสัมมนา จัดโดยทีดีอาร์ไอ (TDRI) ร่วมกับสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้ากระทรวงพาณิชย์
นายอลงกรณ์ นำเสนอในการสัมนาว่า ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับ 12 ของโลก มีศักยภาพสูงมากสำหรับพืชไร่เศรษฐกิจ เช่น มันสำปะหลัง สามารถผลิตได้เป็นอันดับสามของโลกปีละ 30 ล้านตัน จากพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 10 ล้านไร่ ในกว่า 54 จังหวัด และเป็นประเทศแชมป์โลกในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ ที่มีวัตถุดิบเป็นของตัวเองแต่เกษตรกรยังยากจนและราคาผันผวนตลอดเวลา
ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 7 ล้านไร่ มีผลผลิต 4–5 ล้านตันต่อปี แต่มีความต้องการในประเทศ 8.1–8.9 ล้านตัน จึงต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้านภายใต้ AFTA 1–2 ล้านตัน ส่วนใหญ่นำเข้าจากเมียนมา 93% และประเทศอื่นๆ แสดงว่ายังมีตลาดในประเทศที่มีความต้องการสูงมากปีละ 3-4 ล้านต้น หากพัฒนาผลิตภาพการผลิตด้วยพันธุ์ที่ดีใช้เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมสมาร์ทฟาร์มมิ่ง (Smart Farming) ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้วางรากฐานไว้ เช่น เกษตรอาหารเกษตรพลังงานเกษตรสุขภาพและเกษตรท่องเที่ยวจะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตทดแทนการนำเข้าได้อีกมาก
พรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เวอร์ชั่นใหม่ นั่นคือ การพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพ (BioIndustry) และเศรษฐกิจชีวภาพ (BioEconomy) โดยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษไบโอรีไฟนารี่ (BioRefinary) สำหรับพืชไร่เศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตหลัก เช่น กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ซึ่งประกอบไปด้วยนครราชสีมาชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ โดยนำวัตถุดิบมาเพิ่มมูลค่าแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ได้แก่ อาหารคน อาหารสัตว์ อาหารเสริม ผงชูรส น้ำตาลเทียม เชื้อเพลิงชีวภาพ(BioFuel) ผลิตภัณฑ์ยา กระดาษ ไบโอพลาสติก ไบโอฟิล์ม ฯลฯ
“นี่คือโอกาสการลงทุนใหม่ๆและการสร้างการค้าใหม่ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ไม่ใช่การค้าการลงทุนที่เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปขั้นต้น ซึ่งมีราคาต่ำและแข่งขันในตลาดล่าง เราต้องก้าวสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ราคาสูง “
อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์ เจ้าของฉายา”มิสเตอร์เอทานอล" ได้ยกตัวอย่างผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่เกี่ยวกับพืชไร่เศรษฐกิจ กรณี รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการแปรรูปพืชผลทางการเกษตรเป็นเอทานอลใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเรียกว่าแก็สโซฮอลล์ในเดือนกันยายนปี 2543 เป็นครั้งแรกในประเทศไทยนับเป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ของยกระดับการพัฒนาพืชไร่เศรษฐกิจที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นองค์ประกอบสำคัญ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง และต่อมามีการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนผสมของวัตถุดิบผลิตเอทานอลเกรดพรีเมี่ยม
นอกจากนี้ นายอลงกรณ์ ยังได้ยกตัวอย่างนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center:AIC) ทุกจังหวัด ถือเป็นโครงสร้างหลักด้านเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมเมดอินไทยแลนด์ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งนโยบายลดโลกร้อนสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Carbon)
ตลอดจนการอนุรักษ์และพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การพัฒนาแหล่งน้ำใต้ดินและผิวดิน การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งนโยบายเกษตรสร้างสรรค์ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี นโยบายปราบทุจริต โดยนายบัญญัต บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคในขณะนั้น จนรัฐมนตรีเกษตรฯติดคุกจากโครงการปุ๋ยปลอมและนโยบายประกันรายได้เกษตรกร (Universal Basic Income)
สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว ปาล์มและยางพารา 8.13 ล้านครัวเรือนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงรัฐบาลที่แล้ว
“นโยบายส่วนหนึ่งเหล่านี้และแนวทางยุทธศาสตร์ใหม่ที่นำเสนอในวันนี้ เป็นเสมือนคานงัดอัพเกรดศักยภาพใหม่ให้กับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (Agroindustry) เพื่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในการเผชิญกับวิกฤตการณ์ ไม่ว่าในยามที่มีสงครามหรือสันติภาพ เราต้องยืนบนขาของตัวเองให้ได้ในภาวะโลกร้อนและโลกรวน“
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ยังได้นำเสนอรายงานเรื่อง“การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (BioEconomy) จากมันสำปะหลังและข้าวโพด: ศักยภาพใหม่พืชเศรษฐกิจไทยศักยภาพใหม่ของพืชไร่“ต่อที่ประชุม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแนวนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรสร้างรายได้ที่สูงขึ้นให้กับเกษตรกรและอุตสาหกรรมต่อเนื่องเพื่อยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเท
นอกจากนี้ในการสัมนาที่โรงแรม แกรนด์ริชมอนด์ นนทบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อระดมความคิดเห็นประเด็นสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของมันสำปะหลังและข้าวโพด มีภาคส่วนต่างๆเข้าร่วมได้แก่ ตัวแทนเกษตรกร สมาคมการค้ามันสำปะหลังและข้าวโพด ตัวแทนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิรวมทั้งตัวแทนพรรคการเมือง
ซึ่งดร.วิโรจน์ ณ ระนอง หัวหน้าทีมวิจัยทีดีอาร์ไอ ได้นำเสนอรายงานผลการวิจัยเบื้องต้นเกี่ยวกับการผลิตการแปรรูปและตลาดทั้งในต่างประเทศ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาพืชเศรษฐกิจทั้งสองชนิดนี้ พร้อมกับประเด็นนโยบายสาธารณะในอดีตถึงปัจจุบัน เช่น นโยบายการประกันราคานโยบายการประกันรายได้ นโยบายการแทรกแซงตลาด จนนโยบายการเพิ่มผลผลิตรวมไปถึงการพัฒนาเกษตรกร เป็นต้น.