ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ย้อนกลับ
สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน เปิดการศึกษาหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2
14 มิ.ย. 2568

สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน จัดพิธีเปิดการศึกษาเปิดหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 ย้ำบทบาทสำคัญของความร่วมมือไทย-จีน
 
สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน จัดพิธีเปิดการศึกษา หลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (บจท.2)  และ หลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (Young Executive Program 2)  ทั้ง 2 หลักสูตร  โดยมีกรรมการบริหารสมาคมฯ สื่อมวลชน ผู้บริหาร และ ผู้เข้าเรียนในหลักสูตร  กว่า 150 คน เข้าร่วมงาน ณ ห้องเพชรชมพู ชั้น 3 โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา  ซึ่งหลักสูตรนี้จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน  สถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย-จีน ร่วมกับหอการค้าไทย-จีน  ได้รับการสนับสนุนจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และ รายการจับจ้องมองจีน China Media Group

นายกำพล มหานุกูล นายกสมาคมฯ กล่าวต้อนรับ นางสาวจาง เซียวเซียว (Ms. Zhang Xiaoxiao) อุปทูตฝ่ายเศรษฐกิจและการค้าประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมแนะนำวัตถุประสงค์ของทั้งสองหลักสูตร ซึ่งเน้นการสร้างความเข้าใจทางธุรกิจระหว่างไทย-จีน และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยภายในงานมีการฉายตัวอย่างภาพยนตร์สั้นฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์จีน-ไทย “สายใยรักสองแผ่นดิน"
 
● ปาฐกถาจากอุปทูตจีน สะท้อนวิสัยทัศน์ท่ามกลางความไม่แน่นอน
 
นางสาวจาง เซียวเซียว ได้ถ่ายทอดคำกล่าวของท่านทูตหาน จื้อเฉียง โดยกล่าวถึงจุดยืนของจีนในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน โดยย้ำว่า “จีนและไทยไม่ใช่แค่เพื่อนบ้าน แต่เป็นพี่น้องที่มีเชื่อมโยงกันด้วยแม่น้ำ ภูเขา และอนาคตที่มีร่วมกัน”
 
คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และการทูตอันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ซึ่งยังคงแนบแน่นยิ่งขึ้นผ่านการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน เช่น การเยือนไทยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในปี 2022 และการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ รวมถึงแผนการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีในเร็วๆ นี้  
 
● ความร่วมมือการค้า-การลงทุนแน่นแฟ้น
 
จีนยังคงเป็น คู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย และเป็น ผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายใหญ่ เช่น ทุเรียน ในปี 2567 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศสูงถึง 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ขณะที่บริษัทจีนลงทุนในไทยผ่าน BOI มากถึง 5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพการผลิตของไทยในระดับภูมิภาค
 
จีนมีสัดส่วนนำเข้าสินค้าเกษตร ทุน (capital goods) และสินค้ากึ่งสำเร็จรูป (intermediate goods) คิดเป็นกว่า 80% ของการนำเข้าทั้งหมด ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อนำมาใช้ในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ภายในประเทศ ก่อนจะส่งออกต่อไปยังต่างประเทศหรือผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเอง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของจีนโดยรวมสูงกว่า
 
● สามโอกาสสำคัญท่ามกลางความไม่แน่นอน
 
อุปทูตจีนชี้ให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะผันผวน แต่ยังมีโอกาสที่แน่นอน 3 ประการที่ไทยสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกับจีนได้ ได้แก่
 
1) โอกาสจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน
จีนเป็นคู่ค้ากับกว่า 150 ประเทศทั่วโลก มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจคิดเป็น 30% ของการเติบโตทั่วโลก โดยบริษัทต่างชาติที่มาลงทุนในจีนมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 9
ในปีที่ผ่านมา จีนมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้าประเทศมากถึง 64 ล้านคน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 83 สะท้อนให้เห็นถึง ศักยภาพและโอกาสที่ผู้คนทั่วโลกมองเห็นในจีน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
รัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านการนำเข้าและส่งออก โดยมีการจัดตั้งเขตนำร่องอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ในหลายพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ประชาชนจีนสามารถนำเข้าสินค้าโดยได้รับยกเว้นภาษีวงเงินไม่เกิน 26,000 หยวนต่อปี ซึ่งช่วยกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนการค้าออนไลน์ข้ามประเทศ
นอกจากนี้ จีนยังให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศ โดยแต่ละมณฑลมีนโยบายจูงใจที่แตกต่างกันไปตามศักยภาพของพื้นที่ เช่น มณฑลไห่หนาน ซึ่งเป็นเกาะ ได้รับการส่งเสริมให้เป็นเขตปลอดภาษีสำหรับสินค้านำเข้า เมื่อนำเข้ามาผลิตแล้วสามารถส่งออกไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้โดยตรง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดนักลงทุน
จีนในปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นแหล่งผลิตของโลก แต่ยังเป็นตลาดบริโภคขนาดใหญ่ ด้วยประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน โดยในปีที่ผ่านมา มียอดการบริโภคภายในประเทศสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และจีนก็เปิดรับสินค้าคุณภาพจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ทุเรียนจากไทย
ท่านอุปทูตกล่าวว่า ปีที่แล้วมีปัญหาการตรวจพบสารตกค้างในทุเรียน แต่ในปีนี้ปริมาณทุเรียนจากไทยเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล จึงได้มีการหารือระหว่างจีนและกระทรวงเกษตรของไทย โดยไทยจะส่งรายชื่อบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือให้จีนพิจารณา ซึ่งจีนก็ได้ลดอัตราการตรวจสอบสารตกค้าง Basic Yellow 2 ในทุเรียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเข้า โดยมาตรการนี้จีนมอบให้เฉพาะประเทศไทย ถึงขั้นทำให้เวียดนามแสดงความไม่พอใจ
ท่านทูตขยายความว่าแม้จีนกับเวียดนามจะมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่จีนก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพและปริมาณการส่งออกของทุเรียนไทย ซึ่งมีมาตรฐานสูงและมีปริมาณส่งออกมากกว่าเวียดนามหลายเท่า นอกจากจะเป็นประโยชน์กับผู้ผลิตไทย ยังส่งผลดีต่อผู้บริโภคชาวจีนที่ได้บริโภคผลไม้คุณภาพดีด้วย
กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าจีนยินดีเปิดรับสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และมีความมุ่งมั่นในการ ลดอุปสรรคทางการค้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ จีนยังจัดงานระดับนานาชาติ เช่น China International Import Expo (CIIE)  โดยเน้นการนำเข้าสินค้าต่างประเทศ งานนี้จึงเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะกับคู่ค้าชาวจีนโดยตรง โดยทางจีนจะจัดหาผู้ซื้อภายในประเทศไปร่วมงาน เป็นเวทีที่เหมาะสมสำหรับการขยายตลาดเข้าสู่จีน
 
2) โอกาสจากความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสีเขียว-เศรษฐกิจดิจิทัล
จากข้อมูลที่รวบรวมโดยแผนกพาณิชย์ของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พบว่าปัจจุบันมีบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยมากกว่า 1,000 แห่ง โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคการผลิตและดำเนินธุรกิจในไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี  บริษัทเหล่านี้หลายแห่งมีพาร์ทเนอร์ไทยในฐานะซัพพลายเออร์ระดับ Tier 1 หรือ Tier 2 อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจีนหน้าใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อาจยังไม่มีเครือข่ายหรือพาร์ทเนอร์ไทย และยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือ
จากการพูดคุยกับนักลงทุนจีน พบว่าหนึ่งในความท้าทายคือความแตกต่างด้านวัฒนธรรมการทำงาน เช่น คนไทยมักไม่ทำงานนอกเวลาหลังเลิกงาน หรือไม่รับการติดต่อเรื่องงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งอาจต่างจากวัฒนธรรมการทำงานของจีน ทางสถานทูตจีนจึงได้แนะนำให้บริษัทจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยปรับแนวคิดและพฤติกรรมการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของไทย พร้อมเน้นย้ำว่าหากสองฝ่ายพยายามปรับตัวเข้าหากันก็จะสามารถสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนได้
ในแง่ของการปฏิบัติตามกฎระเบียบ บริษัทจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยได้ดำเนินการภายใต้กรอบของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งกำหนดให้แรงงานอย่างน้อย 75% ต้องเป็นคนไทย จากข้อมูลที่ได้รับ พบว่าหลายบริษัทจ้างแรงงานไทยมากถึง 90% หรือมากกว่า เช่น บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายหนึ่งที่มีสัดส่วนแรงงานไทยถึง 99%
อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างหรือได้รับการรายงานผ่านสื่อ ทำให้ข้อมูลเชิงบวกมักไม่ถูกนำเสนอเท่าที่ควร ขณะเดียวกัน ข่าวเชิงลบที่ปรากฏในบางกรณีอาจเป็นส่วนน้อย แต่ได้รับความสนใจในวงกว้างมากกว่า
ทางฝ่ายจีนให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทจีนในไทย โดยมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับสมาคมธุรกิจจีนในประเทศไทย เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ ปฏิบัติตามมาตรฐานที่เหมาะสม และเปิดรับการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
 
3) โอกาสจากการสร้างประชาคมไทย-จีน ที่มีอนาคตร่วมกัน
จีนยังคงยึดมั่นในนโยบายเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวไว้ว่า“การเปิดประเทศก็เหมือนการเปิดประตูบ้าน ซึ่งจะมีทั้งแสงแดด ลม และแมลงเข้ามา แต่เราก็ไม่ควรปิดประตูเพียงเพราะกลัวแมลง” คำกล่าวนี้สะท้อนถึง แนวทางของจีนที่พร้อมเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างโอกาสแก่ทุกฝ่ายในการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ การค้า และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในบริบทของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา หลายฝ่ายอาจสงสัยถึงท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามท่าทีของไทยถือว่ามีความชาญฉลาดหลักแหลม กล่าวคือไทยแสดงความต้องการเจรจากับสหรัฐอเมริกาอย่างสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
อุปทูตจีนแสดงความเชื่อมั่นว่า ผลการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะส่งผลเชิงบวกต่อประเทศอื่นๆ ด้วย โดยจีนจะยืนหยัดคัดค้านมาตรการกีดกันทางการค้า เช่น การขึ้นภาษี และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาระเบียบการค้าระหว่างประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน
จีนเชื่อว่าการสร้างสังคมโลกที่มีระเบียบและยึดหลักกติกาจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกประเทศ ในขณะที่การหันหลังให้กับความร่วมมือระหว่างประเทศ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้แก่โลก
อุปทูตจางกล่าวปิดท้ายด้วยการหยิบยกข้อความจากหนังสือพิมพ์มติชนที่ระบุว่า "มิตรภาพของสองประเทศคือคำตอบของสันติภาพและสังคมที่ยั่งยืน"

งานเปิดหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีนรุ่นที่ 2 ในครั้งนี้ ได้ฉายภาพความตั้งใจของทั้งสองประเทศที่จะเดินหน้าร่วมกัน ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง การสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกัน ไม่ใช่เพียงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้โลกก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 มิถุนายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 มิ.ย. 2568
หากจะพูดหรือเอ่ยถึง “กูรู” หรือ “ผู้รู้” โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางแล้ว ชื่อของ “ไพศาล พืชมงคล” ย่อมจะถูกปฎิเสธได้อยากยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่บุคคลผู้นี้จะคร่ำหวอดในวงการกฎหมายมาอย่างยาวนา...