ดาว ประเทศไทย (Dow) เชิญชวนคนไทยออกเที่ยวไทยหน้าฝน เส้นทางท่องเที่ยวเชิงเกษตร-วัฒนธรรมสัมผัสเสน่ห์ระยอง สวนผลไม้พรีเมียม และ ศูนย์อนุรักษ์ผ้าพื้นถิ่นระยอง หนุนเศรษฐกิจชุมชน
นายณัฐพงศ์ จิรวัฒนาวรกุล ผู้อำนวยการแผนกองค์กรสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) กล่าวว่า Dow มีความผูกพันกับชุมชนระยองมาหลายสิบปีได้มองเห็นสิ่งดี ๆ ที่น่าสนใจในพื้นที่มากมาย ด้วยความเชื่อว่ากิจกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืนไม่ใช่การมอบสิ่งของแต่คือการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชน เพื่อให้มีรายได้เพิ่มและพึ่งพาตนเองได้ เราจึงช่วยส่งเสริมช่องทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ให้กับการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นระยองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในป่าชายเลน การท่องเที่ยวเชิงเกษตร การส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เช่น น้ำผึ้งชันโรง ผักออแกนิก ขนมแปรรูปจากผลไม้ เครื่องดื่มผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อม ผ้าหมักน้ำนมขาว และผ้าทอมือ ฯลฯ
สำหรับสวนที่ Dow พาไปเยี่ยมชม ได้แก่ สวนยายดา–เจ๊บุญชื่น เป็นสวนขนาด 30 ไร่ที่ได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้และรางวัล Silver Tourism จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2566 และสวนคุณประยูร–อชิคาเฟ่ อำเภอแกลง สวนทุเรียนขนาดใหญ่กว่า 100 ไร่ ที่มาพร้อมคาเฟ่ในสวน ห้องอาหาร และมุมถ่ายรูปเช็คอินสวย ๆ รายล้อมด้วยต้นทุเรียนเรียงรายกว่า 180 องศา นักท่องเที่ยวสามารถชิม “ทุเรียนถุงแดงพรีเมียม” ที่คัดเฉพาะเกรด AB พร้อมชมวิวสวนแบบใกล้ชิดและเรียนรู้เทคโนโลยีการเพาะปลูกที่ทันสมัย ซึ่งถุงแดง Magik Growth วิจัยและพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค – สวทช.) สร้างมิติใหม่ของเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากช่วยลดการใช้สารเคมี ลดการตกค้างของสารเคมีในดินและน้ำ ป้องกันแมลง และกระตุ้นการเจริญเติบโตของผลไม้ ทำให้ทุเรียนมีผิวสวย สีสวย น้ำหนักดี และเนื้อหนาขึ้นถึง 10% เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยมีสวนผลไม้ในจังหวัดระยองเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบัน จังหวัดระยองมีสวนผลไม้ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมมากถึง 33 แห่ง ภายใต้การส่งเสริมของ ททท. ในรูปแบบท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีเกษตรแท้ ๆ และลิ้มลองผลไม้สดจากต้น
นอกจากนี้ Dow ยังได้พาไปรู้จัก “ศูนย์อนุรักษ์ผ้าพื้นถิ่นระยอง” เทศบาลตำบลบ้านเพ ซึ่งเป็นแหล่งฟื้นฟู “ผ้าตากะหมุก” หรือ “ผ้าตาสมุก” ผ้าทอมือที่มีลวดลายคล้ายลายจักสาน เรียงตาสีเข้มสลับอ่อน อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของจังหวัดระยองที่เคยสาบสูญไป จนได้รับการรื้อฟื้นกลับมาโดยคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักการทอผ้า
ผ้าตากะหมุกเคยถูกบันทึกไว้ในพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 5 ว่าเป็นผ้าพื้นถิ่นที่ “มีฝีมือดีกว่าที่กรุงเทพฯ” ก่อนจะเลือนหายจากชีวิตประจำวันของชาวบ้านไปเกือบ 80 ปี ปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาอีกครั้ง และได้รับการประกาศให้เป็น ลายผ้าประจำจังหวัดระยองอย่างเป็นทางการในปี 2565
Dow สนับสนุนศูนย์อนุรักษ์ผ้าพื้นถิ่นระยอง ทั้งด้านการจัดแสดงนิทรรศการ พัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กลุ่มทอผ้าท้องถิ่น พร้อมนำผ้าตากะหมุกมาประยุกต์เป็นของขวัญสำหรับลูกค้าและผู้บริหาร เพื่อสื่อถึงรากเหง้าวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างสง่างาม
“การสร้างสรรค์ผ้าไทยเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความประณีตและความเอาใจใส่ เส้นด้ายแต่ละเส้นที่ทอเป็นผืนผ้าเปรียบเสมือนสายสัมพันธ์และความผูกพันที่ Dow ได้สานต่อมาอย่างยาวนานตลอดระยะเวลา 58 ปีในประเทศไทย ผ่านความร่วมมือและการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นในหลากหลายด้าน ทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจชุมชน เพราะเราเชื่อว่าเสน่ห์ของระยองไม่ได้อยู่แค่ในทะเลเท่านั้น แต่อยู่ในรอยยิ้มของชาวบ้าน ในความหอมอร่อยของผลไม้สด ๆ ตามฤดูกาล และเส้นด้ายทุกเส้นที่ถักทอเรื่องราวของผ้าพื้นถิ่น เราจึงอยากชวนให้ทุกคนได้มาสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมแบบนี้สักครั้งในชีวิต” นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติม
การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการผสานพลังระหว่างธุรกิจ ชุมชน และวัฒนธรรม เพื่อร่วมขับเคลื่อนจังหวัดระยองให้เติบโตอย่างมั่นคงบนพื้นฐานของ “วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และความยั่งยืน” ตามเป้าหมายของ Dow ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก