เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 องค์กรพัฒนาเอกชนจากสหรัฐอเมริกาชื่อว่า “เครือข่ายปฏิบัติการบาเซิล” (Basel Action Network: BAN) ได้ส่งหนังสือเตือนไปยังหน่วยงานภาครัฐของไทย รวมถึงมูลนิธิบูรณะนิเวศ อ้างว่ามีเรือบรรทุกสินค้าจากสหรัฐฯ จำนวน 35 ลำ กำลังขนของเสียอันตรายและผิดกฎหมายมายังประเทศไทย โดยระบุว่าในจำนวนดังกล่าวมีตู้คอนเทนเนอร์ 219 ตู้บรรจุขยะอิเล็กทรอนิกส์ และอีก 3 ตู้เป็นขยะพลาสติก โดยมีกำหนดทยอยเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบังระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม ถึง 21 มิถุนายน 2568 รวมปริมาณน้ำหนักกว่า 5,500 ตัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรีไซเคิลในประเทศไทยหลายรายออกมาชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกระบุว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น ที่จริงแล้วเป็นเศษโลหะอลูมิเนียมสะอาดจากกระบวนการผลิต ไม่ใช่ของเสียอันตราย และยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร จึงไม่เข้าข่ายการลักลอบนำเข้าตามที่กล่าวอ้าง
ภาคเอกชนยังตั้งข้อสังเกตว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจเป็นความพยายามในการบ่อนทำลายอุตสาหกรรมรีไซเคิลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมรีไซเคิลในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ส่อถึงลักษณะของการปกป้องทางการค้าในนามของสิ่งแวดล้อม
บทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมรีไซเคิล
อุตสาหกรรมรีไซเคิลถือเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดของเสียจากอุตสาหกรรม และมีประสิทธิภาพสูงในการนำโลหะกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า
ภาคอุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้และการจ้างงานจำนวนมากให้แก่ประชาชนไทย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและระบบการจัดการของเสียที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ
จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรม ณ ปี 2567 ประเทศไทยมีผู้ประกอบการรีไซเคิลที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายประมาณ 1,100 ราย ครอบคลุมทั้งกลุ่มโลหะ พลาสติก และกระดาษ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และยังสร้างงานให้ประชาชนไทยเป็นจำนวนมาก
หากภาครัฐดำเนินนโยบายโดยอิงเพียงข้อมูลจากองค์กร NGO ฝ่ายเดียว โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน อาจนำไปสู่การสูญเสียโอกาสสำคัญทางเศรษฐกิจ และทำลายความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ความกังวลของภาคเอกชน
ปัจจุบัน องค์กร BAN ได้เดินหน้าสร้างกระแสและกดดันผ่านสื่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อทิศทางนโยบายของประเทศไทยในด้านการจัดการรีไซเคิล สร้างความกังวลให้แก่ผู้ประกอบการไทยในวงกว้าง
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายรายเห็นตรงกันว่า ข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานรองรับเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของภาคธุรกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศอีกด้วย
“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาเหตุการณ์นี้อย่างเป็นธรรม โดยยึดหลักวิทยาศาสตร์ ข้อมูลจริง และผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ควรปล่อยให้ประเทศตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็น NGO เพื่อผลประโยชน์แอบแฝง” ตัวแทนภาคเอกชนรายหนึ่งกล่าว
การกล่าวหาโดยปราศจากข้อเท็จจริงที่ชัดเจนถือเป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทย ซึ่งกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ประเทศไทยควรมีจุดยืนเป็นของตนเองในการกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรีไซเคิล โดยยึดความจริงและผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก มากกว่าการยอมจำนนต่อแรงกดดันจากภายนอก