เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ตอนหนึ่งว่า จีนไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีที่เชื่อมโยงด้วยเทือกเขาสายน้ำ เป็นญาติมิตรที่ดีที่มีสายเลือดร่วมกัน เป็นหุ้นส่วนที่ดี ที่มีอนาคตร่วมกัน ความเป็นครอบครัวเดียวกันของจีน-ไทยสืบทอดมานับ 1,000 ปีและยิ่งแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นในยุคสมัยปัจจุบัน ตลอดระยะเวลา 3 ปี 10 เดือนที่ข้าพเจ้าได้มาเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยข้าพเจ้าได้มีโอกาสสัมผัสและเป็นสักขีพยานของการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ซึ่งทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้รับคุณประโยชน์อย่างมากมาย อันดับแรกคือการเมืองอำนาจความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศย่างเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง เยี่ยมเยือนประเทศไทยเป็นครั้งประวัติกาล ซึ่งผู้นำของทั้งสองประเทศร่วมกันท่ามกลางความหวังที่จะร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีนไทยอันเป็นการยืนยันเป้าหมายใหม่ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนไทย
และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ของไทย จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ย่อมจะส่งเสริมให้ประชาชนชาวจีนและชาวไทยกระตือรือร้นในการได้ร่วมสร้างกันเป็นฉันมิตรและความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ ผลักดันให้ความสัมพันธ์จีนไทยพัฒนาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
อันดับสองคือการร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งความเป็นเพื่อนมิตรซึ่งปี 2563 เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น และมณฑลต่างๆในประเทศจีนอย่างหนักพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี ทรงเป็นผู้ริเริ่มบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับประเทศจีนและผู้คนจากโครงการต่างๆในประเทศไทยได้ถ่ายทำวิดีโอเรื่องอู่ฮั่นสู้สู้ประเทศจีนสู้สู้ เพื่อส่งกำลังใจให้กับชาวจีน ทำให้ประชาชนชาวจีนรู้สึกปลาบปลื้มและซาบซึ้งอย่างยิ่ง และเมื่อประเทศไทยต้องเผชิญ ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 และขาดแคลนเทคนิคในการป้องกัน ประเทศจีนจึงได้ให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ทั้งๆที่ประเทศจีนเองก็ยังต้องเผชิญกับความยากลำบากอยู่ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 วัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 200,000 โดสจากประเทศจีนก็ได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิถือเป็นวัคซีนโรคป้องกันโควิด-19 ชุดแรกที่ประเทศไทยได้รับ ข้าพเจ้าเดินทางมาประจำที่ประเทศไทยในช่วงที่ โควิด-19 กำลังระบาดทำให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจอย่างสุดซึ้งว่าอะไรคือคำว่าร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันและอะไรคือมิตรแท้ในยามยาก
ประการที่สามคือ ไทยจีนสร้างความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันและร่วมกันพัฒนาเพื่อเปิดกระดานใหม่ จีนเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยมาต่อเนื่องหลายปีและตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย เป็นแหล่งลงทุนจากต่างประเทศและแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สำคัญที่สุดของไทยจีนและไทยพยายามเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของทั้ง2ประเทศเข้าด้วยกัน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ กำลังพัฒนาเติบโตอย่างต่อเนื่องบริษัทจีนนับพันมาลงทุนที่ประเทศไทย ซึ่งไม่เพียงทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถขยายธุรกิจในต่างประเทศได้แต่ยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นและสร้างคุณประโยชน์ให้กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไทยอีกด้วย ในเดือนมีนาคมปี 2567 ประเทศจีนและประเทศไทยเริ่มดำเนินนโยบายยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกันประชาชนทั้งสองประเทศไปมาหาสู่กันเหมือนกับไปเยี่ยมญาติทำให้การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศพัฒนาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
ปีนี้เป็นปีครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย เมื่อย้อนกลับไปดูครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราจะเห็นได้ว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์โลกจะพลิกผันเปลี่ยนแปลง และทั้งสองประเทศมีขนาดที่ต่างกัน มีระบบสังคมที่ไม่เหมือนกัน แต่ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและการร่วมมือกันเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์จีน-ไทยอย่างเสมอมาความสำคัญจีนไทยอย่างเสมอมาความสัมพันธ์จีนไทยมีบทบาทสำคัญที่จะพัฒนาประเทศ ที่มาแทนที่ได้ด้วยสิ่งอื่นใดในการรักษาความมั่นคงของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและผลประโยชน์ของประชาชน ความสัมพันธ์จีนไทยยึดมั่นในหลักการให้ความเคารพซึ่งกันและกันให้เสมอภาคกัน ให้ความจริงใจกันและเชื่อใจกัน ให้ความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกัน และนี่คือวิถีทางที่นำไปสู่ความสำเร็จในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถือเป็นแบบอย่างอันดีเลิศ
และนี่คือเหตุผลที่ประชาชนชาวจีนและชาวไทยควรยินดีและภาคภูมิใจในการที่จีนไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและเราควรต้องเชื่อมั่นและแน่วแน่ที่จะพัฒนาเสริมสร้างความดีนี้ในยุคสมัยใหม่ต่อไปผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชน ทั้งสองประเทศ โลกปัจจุบันกำลังอยู่ในกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีโอกาสในรอบศตวรรษที่ผ่านมา สันติภาพและการพัฒนาของโลกกำลังความท้าทายแต่ในขณะเดียวกันพลังในการรักษาสันติภาพและการส่งเสริมการพัฒนาก็มีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศจีนเป็นประเทศกรรมการในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ2ของโลกถือเป็นพลังสำคัญของการพัฒนาโลกอย่างสันติ และเป็นพลังสำคัญของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนายุคใหม่เช่นกัน ในฐานะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจโลกแม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลกกำลังอ่อนแรง แต่ประเทศจีนยังคงรักษาอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจได้ระดับ 5 เปอร์เซ็นต์ด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพสูงและการเปิดกว้างของการพัฒนา อนาคตของประเทศจีนยังคงสดใส
ประเทศจีนในฐานะประเทศใหญ่ของโลกมีความรับผิดชอบในเวทีสากลอย่างกระตือรือร้นเลือกที่จะยืนอยู่แนวหน้าของการต่อต้าน ลัทธิฝ่ายเดียว ลัทธิคุ้มครอง และการใช้อำนาจบาตรใหญ่ด้านภาษีศุลกากรอย่างแน่วแน่ และมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างกรอบพหุภาคีที่มีความเสมอภาคและเป็นระเบียบของโลกและเศรษฐกิจแบบโลกาภิวัตน์ที่เปิดกว้างและได้ประโยชน์ร่วมกัน ริเริ่มสร้างประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน
ประเทศจีนยินดีที่จะร่วมกับประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อยู่รอบประเทศจีน แบ่งปันความสำเร็จในการพัฒนา แบ่งปันโอกาสในการพัฒนา โลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวายความท้าทายและโอกาสต่างๆเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนสถานการณ์ภายในและสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ประเทศจีนและประเทศไทยต้องเผชิญนั้น มีความแตกต่างกันแต่เราคือเพื่อนบ้านญาติพี่น้องและเป็นหุ้นส่วนด้วยกัน เป็นประเทศพัฒนาและสมาชิกสำคัญของภูมิภาคนี้เช่นกัน เรามีผลประโยชน์ที่จะต้องรักษาร่วมกันมีหลักการที่จะต้องปกป้องด้วยกันและมีบ้านเมืองที่ต้องร่วมดูแลด้วยกัน
ดังนั้นจีนไทยเราควรสืบสานประเพณีอันดีงามที่มีต่อกัน กล่าวคือคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันร่วมทุกข์สุขด้วยกันและเข้าใจซึ่งกันและกันสนับสนุนกันและส่งเสริมความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันพูดคุยและประสานงานกันมากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมกันถือโอกาสในการพัฒนาและสลายความท้าทายที่เกิดขึ้นเพื่อให้ทั้งสองประเทศเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน