ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
DPU จัดเต็ม! แพทย์แผนไทยนวดนักวิ่ง โชว์พลังเส้นประธานสิบ
22 พ.ค. 2568

DPU ส่งทีมแพทย์แผนไทยดูแลนักวิ่งจิตอาสาโครงการ “สัญญาไม่ทอดทิ้ง” โชว์ศาสตร์การนวดตามแนวเส้นประธานสิบ ตอกย้ำศักยภาพคลินิกพรีเมียม พร้อมต่อยอดการเรียนรู้ภาคสนาม เสริมทักษะนักศึกษาสู่มืออาชีพ

DPU คลินิกการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ภายใต้ วิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส (CHW) ส่งทีมแพทย์แผนไทยเข้าร่วมภารกิจดูแลสุขภาพนักวิ่งจิตอาสาในโครงการ “สัญญาไม่ทอดทิ้ง ขอวิ่งเพื่อบ้านสุขสุดท้าย” เพื่อระดมทุนสร้างที่พักสำหรับผู้สูงอายุที่ไร้ญาติและขาดผู้ดูแล โดยกิจกรรมการวิ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม – 15 มิถุนายน 2568 ระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร จากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดอุบลราชธานี ตลอดระยะเวลา 30 วัน ถือเป็นภารกิจสำคัญที่สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยในการนำองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยที่ทันสมัยมารับใช้สังคม

รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)  กล่าวถึงการร่วมภารกิจในครั้งนี้ว่า วิทยาลัยฯ ไม่เพียงจะสนับสนุนงานด้านจิตอาสา แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของศาสตร์การแพทย์แผนไทยขั้นสูงของ DPU คลินิกแพทย์แผนไทย ซึ่งมีทั้งคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ในระดับที่สามารถรองรับงานดูแลสุขภาพนักกีฬาหรือภารกิจภาคสนามที่ต้องใช้ความอดทนของร่างกาย โดยยึดหลักศาสตร์การแพทย์แผนไทยขั้นสูงในการฟื้นฟูร่างกาย

ทีมแพทย์แผนไทย DPU ดูแลนักวิ่งจิตอาสา “สัญญาไม่ทอดทิ้ง”

โดยทีมแพทย์แผนไทยจาก DPU จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนร่วมขบวนวิ่งในแต่ละวัน เพื่อดูแลสุขภาพของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และเอกพัน บันลือฤทธิ์ รวมถึงนักวิ่งจิตอาสาของโครงการ ทีมแพทย์จะเน้นการดูแลด้วยศาสตร์การนวดตามแนวเส้นประธานสิบ ซึ่งสามารถคลายกล้ามเนื้อลายบริเวณขา น่อง สะโพก และต้นขาได้อย่างตรงจุด ในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะกับนักวิ่งระยะไกลที่ต้องรับแรงกระแทกและความล้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการเตรียมตำรับยาสมุนไพรประจำคลินิก เช่น ยาแก้ปวดเมื่อยและยาคลายกล้ามเนื้อไว้สำหรับใช้กรณีฉุกเฉิน พร้อมส่งยาเพิ่มเติมจากส่วนกลางได้ตลอดเวลาหากมีความจำเป็น

“เราดูแลสุขภาพนักวิ่งตลอด 30 วันเสมือนเป็นหนึ่งในทีมเดียวกัน เพื่อให้ภารกิจการวิ่งระยะไกลครั้งนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยที่สุด” คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส DPU กล่าว

ในส่วนบทบาทของ DPU เป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาการแพทย์แผนไทยสู่ระบบบริการสุขภาพของประเทศ รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ มองว่า การแพทย์แผนไทยเป็นการแพทย์สาขาหนึ่งที่มีคุณภาพควรได้รับการผลักดันให้เป็นหนึ่งในกลไกหลักของระบบบริการสุขภาพของไทยอย่างจริงจัง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมอย่างมีมาตรฐานและมีคุณภาพตามแผนแม่บทแห่งชาติ ว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพร ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2560 - 2564) และมีการดำเนินการต่อเนื่องในแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2566-2570 (https://nph.dtam.moph.go.th/publications/2561/)

“ปัจจุบัน DPU คลินิกแพทย์แผนไทยของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้พัฒนายกระดับเป็นคลินิกต้นแบบที่มีคุณภาพสูง เน้นการรักษา และป้องกันโรค รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพด้วยตำรับยาแผนไทยและสมุนไพรไทยชนิดสกัดเข้มข้น ที่สะดวกในการรับประทานโดยเฉพาะการรักษากลุ่มโรคไม่ติดต่อชนิดเรื้อรัง (NCDs) รวมถึงการรักษาอาการปวดตึงและโรคที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อและกระดูกที่มีการปวดอักเสบด้วยด้วยหลักการนวดตามแนวเส้นประธานสิบที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้เวลาสั้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนามาตรฐานทั้งด้านองค์ความรู้ เครื่องมือ ตำรา คู่มือการนวด หุ่นนวดต้นแบบ ไปจนถึงการพัฒนา AI สำหรับการนวดตามแนวเส้นประธานสิบ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและทดสอบระบบในขณะนี้” คณบดีวิทยาลัยเฮลท์ แอนด์ เวลเนส DPU กล่าว

ในด้านการศึกษา วิทยาลัยฯ ยังเปิดหลักสูตรด้านการแพทย์แผนไทยครบทุกระดับ ตั้งแต่หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพที่ครบทุกสาขา (เรียนเสาร์-อาทิตย์) ไปจนถึงระดับปริญญาตรีและปริญญาโท (เรียนเสาร์-อาทิตย์) เพื่อสร้างแพทย์แผนไทยรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพทั้งเชิงวิชาการและการปฏิบัติทางวิชาชีพที่มีคุณภาพจริง และยังเปิดโอกาสให้ทั้งผู้สนใจศึกษาในศาสตร์การแพทย์ที่ทรงคุณค่านี้และผู้ที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว สามารถเรียนรู้ ฝึกฝน และต่อยอดองค์ความรู้ได้อย่างเต็มที่ โดยที่คลินิกของมหาวิทยาลัยจะทำหน้าที่เป็นแหล่งฝึกภาคสนามทางวิชาชีพที่มีผู้ป่วยเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เรียนได้สัมผัสสถานการณ์จริงและพัฒนาทักษะอย่างรอบด้านภายใต้การกำกับดูแลของอาจารย์แพทย์แผนไทยที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการรักษาโรค

“เรามุ่งหวังให้การแพทย์แผนไทยเป็นบริการสุขภาพหลักที่สำคัญอย่างแท้จริงและกลายเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของระบบสุขภาพไทยแบบพึ่งพาตนเอง หรือที่เรียกว่า ‘สุขภาพพอเพียง’ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้คนไทยดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุขในระยะยาว และนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคตได้อย่างแท้จริง” รศ.ดร.ภก.สุรพจน์ กล่าวทิ้งท้าย

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 พฤษภาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
21 เม.ย. 2568
“กีฬา ... กีฬา ... เป็นยาวิเศษ” ส่วนหนึ่งของคำประพันธ์ที่นำมาร้องกันในสมัยก่อน หรืออาจจะร่วมถึงในยุคสมัยนี้ด้วยก็คงไม่ผิด และแน่นอนความหมายของนั้นก็คือ การเล่นกีฬา การออกกำลังกายนั้น มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายเปรียบเสมือนเกราะป้องกันโรคภัยของเรานั่นเอ...