ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
ศ.สุชาติ แนะรัฐบาลกำหนดกรอบเงินเฟ้อเป็น​ 2-4% จึงจะฟื้นเศรษฐกิจ​ให้โต​ได้ 4-5%
30 ธ.ค. 2567

ศ.สุชาติ! รัฐบาลควรกำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเป็น​ 2-4% จึงจะฟื้นเศรษฐกิจ​ให้โต​ได้ 4-5% การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้ออย่างเดิม​ เศรษฐกิจ​ก็โตต่ำอย่างเดิม

1.ศาสตราจารย์​ ดร.สุชาติ​ ​ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ อดีตรัฐมนตรี​ว่าการกระท​รวงการคลัง​ และอดีต​หัวหน้าพรรคเพื่อไทย​กล่าวว่า​ เมื่อ 25 ธค.​ 2567​กระทรวงคลังได้เสนอ​ และคณะรัฐมนตรี​เห็นชอบกรอบ​เงินเฟ้อ​ 1-3% เช่นเดิมสำหรับปี 2568 โดยแบงค์ชาติ​ไม่ต้องรับผิดชอบ​ต่อประชาชน หากเงินเฟ้อสูงกว่าหรือต่ำกว่ากรอบ​ฯ เพียงเขียนคำรายงาน​

2.อันนี้จะทำให้รัฐบาลแก้ไขปัญ​หาเศรษฐกิจ​ได้ยากครับ​ เพระกรอบต่ำเกินไป​เช่นที่เกิดขึ้นในปี​ 2567 รัฐบาลควรกำหนดกรอบเงินเฟ้อในปี​ 2568 เป็น​ 2-4​% และให้ผู้ว่าแบงค์ชาติ​และกรรมการนโยบายการเงิน ต้องรับผิดชอบเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบครับ

3.เงินเฟ้อต่ำเกินไปทำให้ประเทศไม่เจริญเติบโตมากว่า​ 10 ปีแล้ว​ เงินเฟ้อที่ต่ำมากๆ​ ถึงขั้นติดลบ​ เพราะดอกเบี้ยที่แท้จริงสูงไป​ นอกจากจะทำให้การลงทุนเอกชน​น้อยแล้ว ยังทำให้ค่าเงินบาทแข็ง​เกินไป​ มีผลให้การส่งออก​น้อย​ และการลงทุนจากต่างประเทศน้อยด้วย​ เพราะ​เงินต่างประเทศซื้อของใน​ประเทศไทยได้น้อย​ เทียบกับการซื้อของใน​เวียดนาม อินโดนีเซีย​และอีกหลายประเทศ นอกจากนี้​ ยังทำให้ค่าไฟฟ้า​ที่แพงเกินไปอยู่แล้ว​แพงขึ้นไปอีกในสายตานักลงทุนต่างประเทศด้วย​

4. "กรอบเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป เป็นเรื่องใหญ่มาก​" ที่ทำให้ประเทศไทยไม่เจริญไม่พัฒนา สินค้าที่ผลิตล้าสมัย​ ขายไม่ได้​ ไม่มีเงินมาลงทุนใหม่... 

5. ปรัชญา​คือ​ ราคาที่แพงไป​ ทำให้ขายของไม่ได้​ ทำให้ประเทศไม่เจริญ​ เครื่องมือเครื่องจักรไม่ได้พัฒนา​ ราคาของในระบบเศรษฐกิจ​มหภาค​ คือ​ อัตราดอกเบี้ย​ อัตราเงินเฟ้อ​ และอัตรา​แลกเปลี่ยน​ ถ้าราคาเหล่านี้ไม่ถูกต้องเหมาะสม​ แข่งขัน​ไม่ได้ ประเทศก็ไม่พัฒนา​ เราจะไปเรียกใครมาลงทุน​ในเทคโนโลยี​ใหม่ๆ​  เขาก็ไม่มา เขาไปเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย​ ก่อนครับ

6. มีคนจำนวนมาก​รวมทั้งในแบงค์ชาติ​ ไม่เข้าใจว่า​ "ทำไมเศรษฐกิจ​ไทยจึงเติบโตต่ำ" ไปโทษเรื่องสินค้าล้าสมัย การส่งออกน้อย การใช้กำลังการผลิตต่ำ การลงทุนน้อย เทคโนโลยี​ต่ำ​

7.​ แต่ความจริงมาจาก​ค่าเงินบาทแข็งมากๆ​ เกินไป​ ทำให้ส่งออกไม่ได้​ การใช้กำลังการผลิตจึงต่ำ ทำให้การลงทุนน้อย​ ไม่มีเงินมาซื้อเทค​โนโลยี​ใหม่​ๆ ไม่มีภาษีมาพัฒนาโครง​สร้างพื้นฐาน​ทั้งฮาร์ดแวร์​และดิจิทัล​

8.​ เงินบาทแข็งไปมาจากดอกเบี้ยสูงไป​ มีปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจ​น้อยเกินไป​ คือมีน้ำในบ่อน้อย​ ปลาก็ไม่โตครับ​ แค่เติมน้ำในบ่อให้พอดีเต็ม​ ปลาก็โตแล้ว​ครับ

9.​ เทียบ​ 20​ ปีที่ผ่านมา เงินบาทไทยแข็งกว่าทุกประเทศในโลก​รวมทั้งจีนและสหรัฐ​ แข็งกว่า​อินเดีย​ 2.58 เท่า​ แข็งกว่าเวียดนาม​ 1.6 เท่า​

10. แบงค์ชาติ​เป็นผู้คุมปริมาณเงิน​บาท หากมีการขึ้นดอกเบี้ย​และขายพันธบัตร​แบงค์ชาติ​ออกมา ปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจ​ก็ลดลงครับ

11.​แนวคิดที่ว่า​ รัฐบาลสามารถเพิ่มปริมาณเงินบาท​ได้เอง เช่น​ไปกู้หรือไปขึ้นภาษีมาใช้จ่าย​นั้น​ เป็นการไปเอาน้ำจากฝั่งหนึ่งของบ่อ​ไปใส่อีกฝั่งหนึ่ง ปริมาณน้ำในบ่อแทบไม่เพิ่มขึ้นครับ

12. เมื่อมีการลดดอกเบี้ยลง​ ปริมาณเงินบาทจะเพิ่มขึ้น แล้วก็จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อน​ลง​ครับ สมมติ​ว่าอ่อนลง 10% เราจะได้รายได้จากการส่งออกเป็นเงินบาท​เพิ่มขึ้นอีก​ 1.2​ ล้านๆ​ บาทเลยทีเดียว​ (เราส่งออกเป็นเงิน​ $ คิดเป็นเงินบาทปีละ​ 12​ ล้านๆบาท)​ บวกเข้าไป ในสมการ​ GDP​=C+I+G+(X-M) ความจริง​ Exports (X) เป็นตัวแปรเดียวที่เป็นรายได้​ ตัวอื่นๆ​ ทุกตัวเป็นรายจ่าย​ (ในที่นี้ยังไม่นับปริมาณการส่งออกและท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น​ เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลง)

13.​ การลดดอกเบี้ยและการปรับค่าเงินบาทให้เหมาะสมแข่งขันได้​ จึงมีผลต่อ​อัตราความเจริญของประเทศ ​มากกว่า​การที่รัฐบาลไปกู้หรือเก็บภาษีเพิ่ม​มาใช้จ่าย อย่างมากครับ... ศาสตราจารย์​
สุชาติ​ ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ กล่าว.. 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 มิถุนายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 มิ.ย. 2568
หากจะพูดหรือเอ่ยถึง “กูรู” หรือ “ผู้รู้” โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางแล้ว ชื่อของ “ไพศาล พืชมงคล” ย่อมจะถูกปฎิเสธได้อยากยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่บุคคลผู้นี้จะคร่ำหวอดในวงการกฎหมายมาอย่างยาวนา...