ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าฯ ลงพื้นที่ ปชส.ให้ ปชช.ผู้นิยมเลี้ยงนก รู้ทันเชื้อแบคทีเรียในนกแก้ว หลัง หมอล็อต ออกมาเปรยในที่ประชุม ค.กก.โรคติดต่อแห่งชาติ
วันนี้ 12 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมานะ เพิ่มพูน ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง)เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2567 นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง สถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญ โดยหนึ่งในนั้นมีการรายงานการระบาดของโรคไข้นกแก้ว โดยโรคนี้อยู่ในระบบเฝ้าระวังแบบ Event base surveillance หรือการเฝ้าระวังเหตุการณ์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยนายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน กล่าวในที่ประชุมว่า ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่มีรายงานการพบโรคชนิดนี้ในสาระบบ แต่เป็นโรคที่ควรมีการสื่อสารความเสี่ยงกรณีพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกแก้ว (Psittacosis) เพิ่มขึ้นในยุโรป มีดังนี้ โรคไข้นกแก้ว (Parrot fever หรือ Psittacosis หรือ Avian chlamydiosis)Gram-negative bacteria Clamydia psittaci มักพบในสัตว์ปีกในป่า โดยเฉพาะนกแก้ว นกพิราบ แพร่เชื้อทางการหายใจ หรือถ่ายอุจจาระ

.jpg)
.jpg)
อาการในนก เบื่ออาหาร อ่อนแรง ขนยุ่งฟู มีน้ำมูกน้ำตา ตับโต น้ำหนักลด หายใจลำบาก ไชนัสบวม ท้องเสียร่วมกับอุจจาระสีเขียวอ่อน เคยพบการระบาดในปี 2472 และปี 2473 พบผู้ป่วยประมาณ 800 คนทั่วโลก เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน การถ่ายทอดโรคสู่คน การสูดดม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งหรือมูลแห้งของนกที่มีเชื้อแบคที่เรีย บางรายอาจติดเชื้อจากการถูกนกกัด หรือจะงอยปากของนกสัมผัสกับปากของมนุษย์
ระยะฟักตัว 5-14 วัน อาการป่วยในคน ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และข้ออ่อนเพลีย อ่อนแรง เหงื่อออก ปอดอักเสบ วินิจฉัย/ตรวจทางห้องปฏิบัติการ ภาพถ่ายรังสีทรวงอก และ Sputum RT-PCR, sputum culture รักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ กลุ่ม Tetracycline
มาตรการโดยรวมเหมือนไข้หวัดนก(ไข้หวัดนกเป็นเชื้อไวรัส ไข้นกแก้วเป็นเชื้อแบคทีเรีย)ที่กรมอุทยานฯดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
1.มาตรการ ประสานความร่วมมือ ให้ด่านสัตว์สัตว์ป่าประสานกรมปศุสัตว์ในการตรวจ คัดกรองโรคในนกนำเข้าตามด่านช่องทางต่างๆ
2.ประชาสัมพันธ์ผู้เลี้ยงนก ผู้ประกอบการ สถานที่เลี้ยงนก เรื่องสุขอนามัยและให้สังเกตอาการและเฝ้าระวัง หากมีอาการ หรือสงสัยให้แจ้งสัตวแพทย์
3.กำชับมาตรการณ์ด้านสุขอนามัย สำหรับผู้เลี้ยงนก และเจ้าหน้าที่ที่ใกลัชิดสัมผัสกับนก หากพบนกมีอาการป่วยหรือมีอาการสงสัย ให้รีบแจ้งสัตวแพทย์ และผู้ใกล้ชิดนก มีอาการป่วยก็ให้พบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยต่อไป
และ 4.จัดทำมาตรการ แล้วเวียนในหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด
นายมานะ เพิ่มพูน ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าฯ กล่าวว่า จากข้อมูลข้างต้น นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3(บ้านโป่ง)ได้มอบหมายให้ตนประสานไปยังนายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือหมอล๊อต หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เพื่อขอข้อมูลในการหาแนวทางในการวางมาตรการป้องกัน รวมถึง ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี เพื่อพบประชาชนที่นิยมเลี้ยงนก เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงพิษภัยของโรคดังกล่าว ถึงแม้ว่าจะยังไม่พบในประเทศไทยก็ขอให้ทุกคนอย่าได้ตกอยู่ในความประมาทโดยเด็ดขาด
////////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์ - รายงาน