ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สังคม / บุคคล ย้อนกลับ
ตร.-ทหาร-ตชด.-ฝ่ายปกครอง อำเภอสังชละบุรี โชว์ผลงาน จับยาบ้าเกือบ 3 หมื่นเม็ด
30 ก.ค. 2566

กาญจนบุรี - ตร.-ทหาร-ตชด.-ฝ่ายปกครอง อำเภอสังชละบุรี โชว์ผลงาน รวบสองสามีภรรยา อาชีพรับจ้างทำอลูมิเนียม-รับจ้างดูแลคนป่วยที่บ้าน คารถตู้โดยสาร ของกลางยาบ้าเกือบ 3 หมื่นเม็ด 

จากนโยบายของร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ.กาญจบุรี พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า)ให้ทุกหน่วยงานสนธิกำลังเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการกระผิดกฎหมายทุกชนิดตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะขบวนการค้ายาเสพติดนั้น

วันนี้ 30 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกไพฑูรย์ ศรีวิลัยผกก.สภ.สังขละบุรี พ.ต.ท.อำนวย ศรีสงคราม รอง ผกก.สส.สภ.สังขละบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.134 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี ประจำจุดตรวจความมั่นคงสะพานรันตี ถนนสาย 323 หมู่ 1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.จิรภัทร สรรพโส อายุ 34 ปี และนายหัตถชัย ปิ่นตบแต่ง อายุ 24 ปี ขาว ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาบ้า 15 มัด รวม 29,916 เม็ด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีชายหญิง 2 คนลักลอบขนยาเสพติดมาจากทางด้านด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี มุ่งหน้าไปยังตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี ด้วยการอาศัยรถยนต์ตู้โดยสารประจำทางสายด่านเจดีย์สามองค์-กาญจนบุรี หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณจุดตรวจความมั่นคงสะพานรันตี จนกระทั่งพบรถยนต์ตู้โดยสารลักษณะตรงตามที่สายลับแจ้งมา จึงส่งสัญญาณเรียกให้คนขับหยุดรถเพื่อขอตรวจค้น

โดยเจ้าหน้าที่พบบุคคลต้องสงสัยเป็นชาย 1 รายหญิง 1 รายนั่งโดยสารอยู่เบาะที่นั่งที่ 7 และ 8 โดยมีกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายผลปรากฎพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ซุกซ่อนปะปนเสื้อผ้าอยู่ในกระเป๋าแบบหูหิ้วจำนวน 2 มัด นับรวมกันได้ จำนวน 3,978 เม็ด ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 พร้อมนำของกลางไปที่ สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปถึง สภ.สังขละบุรี จึงได้ทำการตรวจค้นตามร่างกายของผู้ต้องหาทั้งสองอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ผลการตรวจค้นปรากฏว่า ที่ขอบกางเกงด้านหน้าของนายหัตถชัย ปิ่นตบแต่ง ซุกซ่อนยาบ้านเอาไว้ จำนวน 2 มัด รวม 3,983 เม็ด ส่วนที่บริเวณขอบกางเกงของ น.ส.จิรภัทร สรรพโส ซุกซ่อนยาบ้าเอาไว้ จำนวน 11 มัด รวม 21,957 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมด จำนวน 29,916 เม็ด

นายหัตถชัย ปิ่นตบแต่ง ผู้ต้องหาให้การในเบื้องต้นว่า เดิมตนทำงานรับจ้างอยู่ที่บริษัททำอลูมิเนียมแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี มีรายได้เดือนละ 1 หมื่นบาท ส่วน น.ส.จิรภัทร หรือโบว์ สรรพโส มีอาชีพรับจ้างดูแลผู้ป่วยตามบ้าน มีรายได้เดือนละ 1 หมื่นบาทเช่นกัน ซึ่งตนทั้ง 2 อยู่กินฉันท์สามีภรรยากันมาได้ประมาณ 6-7 ปีแล้ว โดยเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน

ก่อนหน้านี้ตนได้รับการติดต่อจากนายอ้วน ซึ่งเป็นเพื่อนกับแม่ของตนที่อยู่ในเรือนจำจังหวัดนครปฐม ให้ไปรับยาบ้าที่ด่านเจดีย์สามองค์ โดยจะได้ค่าจ้าง จำนวน 50,000 บาท ต่อมาวันที่ 29 ก.ค.ตนกับภรรยาจึงเดินทางมาที่ด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู ด้วยการนั่งรถตู้โดยสาร เมื่อมาถึงได้มีชายรูปร่วมสูงขับขี่รถจักยานยนต์มารับแล้วพาไปพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งพร้อมกับส่งเงินค่ามัดจำมาให้ จำนวน 5,000 บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน 45,000 จะจ่ายให้ในภายหลัง 

จากนั้นเวลา 06.00 น.(วันนี้ 30 ก.ค.)ชายคนเดียวกันได้นำยาบ้าจำนวน 15 มัดมาส่งให้ที่รีสอร์ทดังกล่าว จากนั้นได้นำยาบ้าไปซุกซ่อนเอาไว้ภายในกระเป๋าเสื้อผ้า 2 มัด ซุกซ่อนเอาไว้ที่ขอบกางเกงของตน 2 มัดและขอบกางเกงของ น.ส.จิรภัทร หรือโบว์ ภรรยา จำนวน 11 มัด โดยสวมเสื้อคลุมอีกชั้นหนึ่งเพื่อปิดบังสายตาของเจ้าหน้าที่ ระหว่างนั่งรถตู้โดยสารกลับเข้าสู่อำเภอเมืองกาญจนบุรี เพื่อนำยาบ้าไปส่ง ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน

หลังผู้ต้องหาทั้งสองให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้งสองไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลสังขละบุรี ผลปรากฎพบสารเสพติดในร่างกายของนายหัตถชัย ปิ่นตบแต่ง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์ - รายงาน

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 พฤษภาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...