ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
รัฐบาลให้ความสำคัญการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ประชาชน
17 ม.ค. 2566


นายกฯ ประชุม คทช. ติดตามความก้าวหน้า ผลการดำเนินงานจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ประชาชนต่อเนื่อง กำชับขับเคลื่อนต่อไปให้เกิดประโยชน์ เป็นธรรมแก่ประชาชนทุกฝ่าย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 1/2566 ร่วมกับ โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรีย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชน โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาล คสช. มาจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้การดำเนินการมีความก้าวหน้าโดยลำดับ รวมไปถึงการดูแลประชาชนทุกกลุ่มผ่านมาตรการและโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการอื่น ๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาที่ทับซ้อนทั้งในส่วนของรัฐต่อรัฐ และรัฐกับประชาชน ผ่านกลไกคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และขอให้ดำเนินการต่อเนื่องให้ปัญหาได้รับการแก้ไขเกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงให้ความสำคัญในการเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการดำเนินงานต่าง ๆ และการใช้จ่ายงบประมาณต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังรอบคอบ ถูกต้องตามกฎ ระเบียบ และกฎหมาย โดยคำนึงให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและเทศชาติ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญในการจัดที่ดินทำกินให้กับประชาชนต้องเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ไร้ที่ทำกินอย่างแท้จริง โดยดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ โปร่งใส ประชาชนยอมรับได้ รวมทั้งขอให้มีการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการไม่ไปทำเกษตรและปลูกพืชต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ไม่ถูกฎกหมาย แต่ต้องดำเนินการในพื้นที่ที่ถูกกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศในการส่งออกผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรไปยังต่างประเทศ

ที่ประชุมได้มีการพิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้
รับทราบผลการดำเนินงานการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ซึ่งมีความก้าวหน้าโดยลำดับ ได้แก่ (1) กำหนดพื้นที่เป้าหมายแล้ว 1,491 พื้นที่ 70 จังหวัด 5,792,145 - 1 - 71.75 ไร่ (2) ออกหนังสืออนุญาตแล้ว 419 พื้นที่ 1,559,549 - 3 - 95.86 ไร่ (3) จัดคนเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว 78,109 ราย 96,536 แปลง ใน 354 พื้นที่ และ (4) ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพแล้วใน 271 พื้นที่ 65 จังหวัด

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบต่อผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ในพื้นที่กลุ่มที่ 3 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ สระแก้ว สุรินทร์ อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ และเลย (ยกเว้นกรณีแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่) และมอบหมายให้ สคทช. นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดนครราชสีมา และปราจีนบุรี (กรณีเร่งด่วน) ดังนี้
(1) เห็นชอบต่อผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กรณีอุทยานแห่งชาติทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดิน และให้ สคทช. นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป (2) มอบหมายให้คณะอนุกรรมการนโยบายแนวทางและมาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินรับเรื่องไปพิจารณา กรณีพื้นที่นอกแนวเขตที่กรมป่าไม้ส่งมอบให้ ส.ป.ก. (แต่อยู่ภายในเขตเส้นปรับปรุงปี พ.ศ. 2543) ว่าควรใช้แนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมอย่างไร และนำเรื่องเสนอ คทช. พิจารณา ผลเป็นประการใด ให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป แล้วแจ้งคณะอนุกรรมการ One Map ทราบและพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อีกทั้งที่ประชุมเห็นชอบการแก้ไขปัญหาข้อพิพาท กรณีป่าสงวนแห่งชาติป่าพระแท่นดงรัง ในพื้นที่ตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ทับซ้อนกับวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร โดยให้กรมป่าไม้ เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าพระแท่นดงรัง (บางส่วน) เนื้อที่ประมาณ 193 ไร่ เพื่อให้เป็นอาณาเขตของวัดพระแท่นดงรังฯ และเป็นที่ธรณีสงฆ์ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้พิจารณาดำเนินการต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...