ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
ปราบโกงยุคดิจิทัล หนุน ผู้นำ ใช้ Ai เป็นอาวุธ
06 ก.ย. 2565

ปราบโกงยุคดิจิทัล หนุน ผู้นำ ใช้ Ai เป็นอาวุธยกระดับใช้ Ai ปราบโกงในยุคดิจิทัล ACTชวนคนไทยสแกน“ยันต์กันโกง” เข้าถึง “แพลตฟอร์ม ACT Ai” ใช้เป็นอาวุธสู้โกง พร้อมชูบทบาท “ผู้นำ...กับการปราบโกง”ต้องเท่าทัน เป็นต้นแบบการมีส่วนร่วม ปลุกพลังนำพาประชาชนไล่จับคนโกง ปราบปีศาจคอร์รัปชันให้สิ้นอิทธิฤทธิ์ ยุติความเสียหายให้ประเทศไทย 
นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT กล่าวว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันผนึกกำลังร่วมกับองค์กรสมาชิกกำหนดให้ทุกวันที่ 6 กันยายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชัน โดยได้ร่วมกันจัดกิจกรรมต่อต้านคอร์รัปชันต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา แม้การขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชันจะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยิ่งพบว่าปัญหาเพิ่มความซับซ้อน มีการหาช่องว่าง ช่องโหว่ รวมทั้งนำเทคโนโลยีทันสมัยมาเอื้อต่อการคอร์รัปชันมากขึ้นรูปแบบการฮั้วประมูลประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ที่คนโกงยังหาช่องทุจริตได้ หรือการจัดซื้อจัดจ้างในท้องถิ่น ที่ยกข้ออ้างเรื่องนวัตกรรมมาเพิ่มราคากลางให้สูงขึ้น
“ทั้งนี้ เราต้องรู้เท่าทันรูปแบบการโกงด้วยการนำเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลมาใช้ผ่านเครื่องมือ ACT Ai เพื่อป้องกันการโกงได้อย่างแม่นยำ อาทิ กรณีเสาไฟกินรีโซลาร์เซลล์ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลราชาเทวะ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีศึกษาที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเมื่อใช้เครื่องมือตรวจสอบที่เข้าถึงข้อมูลภาครัฐอย่างรวดเร็ว จะช่วยยับยั้งความเสียหายจากการโกงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้งานแพลตฟอร์ม ACT Ai ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) ผ่านยันต์กันโกงทางเพจเฟสบุ๊กองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันซึ่งจะสามารถใช้งานเครื่องมือ ACT Ai ได้อย่างหลากหลาย” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ระบุ
นอกจากนี้ นายวิเชียร ยังย้ำถึงบทบาทของผู้นำว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปราบโกง เพราะผู้นำคือต้นแบบ หากได้ผู้นำที่มุ่งโกงกินจะก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง ดังนั้นประชาชนต้องสนับสนุนผู้นำที่โปร่งใสมุ่งประโยชน์ส่วนรวมและสนับสนุนการตรวจสอบจากภาคประชาชน รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสใช้เครื่องมือที่ทันสมัยตรวจสอบการคอร์รัปชัน นอกจากนี้จากบทบาทของผู้นำในระดับจังหวัดและท้องถิ่นที่ร่วมเวทีเสวนา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ จัดโดยความร่วมมือของกระทรวงมหาดไทย สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทยเพื่อร่วมกันเปิดพื้นที่ทางความคิด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้นำระดับท้องถิ่นได้ตระหนักถึงบทบาทความสำคัญของประชาชนในการการมีส่วนร่วมเป็นพลังปราบโกงไปด้วยกัน ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนแนวคิด “ผู้นำ...กับการปราบโกง” ในปีนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้ดูแลโปรเจกต์ ACT Ai ระบุถึงการนำระบบปัญญาประดิษฐ์(Ai) มาสนับสนุนการตรวจสอบการคอร์รัปชันว่า จากเดิมการตรวจสอบข้อมูลเอกสารราชการทำได้ยากและยังไม่ปลอดภัยต่อตัวผู้ตรวจสอบ ส่งผลให้ประชาชนหลายคนไม่กล้าแสดงบทบาทนี้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันและพันธมิตรได้ออกแบบแพลตฟอร์ม ACT Ai เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ง่ายและปลอดภัย เชื่อมโยงฐานข้อมูลภาครัฐ ที่ผ่านมาใช้ตรวจสอบการทุจริตเสาไฟกินรีด้วย ACT Ai โดยประชาชนและสื่อได้รับความสำเร็จมาแล้ว ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเครื่องมือ ACT Ai จะได้รับการยอมรับจากประชาชนเพื่อใช้เป็นอาวุธ                                         ในการปราบโกง เพราะถ้าหากเราไม่ร่วมมือช่วยกันปราบโกงแล้ว จะยิ่งทำให้ปีศาจคอร์รัปชันมีอิทธิฤทธิ์สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประเทศเพิ่มขึ้นตามมา
            ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าใช้งาน ACT Ai ผ่านการกดเข้าใช้งานได้ที่ https://actai.co เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลในการตรวจสอบอย่างหลากหลาย ประกอบด้วย โครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ, ระบบจับโกงงบ COVID, โครงการ Build Better Lives by CoST, การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง, การตรวจสอบงบท้องถิ่น, กระดานวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเครือข่ายการโกง (Corruption Analysis Dashboard), การตรวจสอบการใช้งบในโรงเรียนด้วย School Governance และยังรวมถึงแพลตฟอร์มที่ระดมไอเดียใหม่ ๆ จากโครงการ ACTKathon เช่น แจ้งเบาะแสเหตุสงสัยทุจริตคอร์รัปชันผ่าน LINE OA : จับตาไม่ให้ใครโกง Corruption Watch (@corruptionwatch)  และ Voice of Change เครื่องมือรับแจ้งเบาะแสการทุจริตสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น  

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...