ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
กทท.จับมือ ขบ. แก้ปัญหาด้านการขนส่ง
23 ส.ค. 2565

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ร่วมลงนาม ในบันทึกข้อตกลง ทั้งนี้ในการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพด้านข้อมูลและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกอบการด้านการขนส่ง ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการขนส่งระหว่าง กทท.และ ขบ.โดย กทท.จะนำข้อมูลจาก ขบ.ไปใช้ประโยชน์ ได้แก่ ข้อมูลทางทะเบียนยานพาหนะ ไปใช้ในการดำเนินการในระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) ที่พัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนงานพิธีการส่งออกร่วมกับกรมศุลกากร และข้อมูลใบอนุญาตขับรถ ให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ (ISPS CODE) ขณะเดียวกัน
“ทั้งนี้ จะนำข้อมูลจาก ขบ. ไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ อาทิ ข้อมูลทางทะเบียนยานพาหนะ รายละเอียดตัวรถ โดยเฉพาะน้ำหนักของตัวรถ ซึ่ง กทท. จะสามารถนำไปหักเป็นน้ำหนักของสินค้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ต้องใช้ดุลพินิจเหมือนในปัจจุบัน อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาการดำเนินการ จากเดิมพนักงานต้องคีย์ข้อมูลของรถแบบแมนนวล ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีต่อคัน หลังจากนี้จะมีฐานข้อมูลจาก ขบ. เข้ามาช่วย คาดว่าจะช่วยลดเวลาการดำเนินการในขั้นตอนประตูเขาเข้าเขตศุลกากรได้เหลือประมาณ 2 นาทีต่อคัน และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดภายในท่าเรือได้ด้วย”
ขณะเดียวกัน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่าความร่วมมือดังกล่าว ขบ.พร้อมให้ความร่วมมือ ซึ่งขบ.มีข้อมูลพื้นฐานเรื่องของการจดทะเบียนรถซึ่งรถบรรทุกสิบล้อขึ้นไปที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกมีปริมาณ 4แสนคัน โดยข้อตกลงความร่วมมือฯฉบับนี้ มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ วิธีการรับและส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กทท.ต้องเร่งให้มีการพัฒนาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สำหรับการดําเนินงานด้านข้อมูลดิจิทัล เพื่อพัฒนาการให้บริการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร จึงเร่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงข่ายข้อมูลภาครัฐ
นอกจากนี้ นายเกรียงไกร กล่าวว่าปัจจุบันมีปริมาณรถบรรทุกขนส่งสินค้าเข้าออกท่าเรือแหลมฉบัง 3.5-3.7 แสนคันต่อเดือน ขณะที่ท่าเรือกรุงเทพ มีรถบรรทุกเข้าออกประมาณ 1 แสนคันต่อเดือน ซึ่งทั้ง 2 ท่าเรือประสบกับปัญหาจราจรติดขัดมาก สาเหตุหลักมาจาการที่รถบรรทุกต้องจอดรอเพื่อเข้าไปรับสินค้า ทำให้รถติดนานกว่า 10ชั่วโมง ทาง กทท. จึงมีแผนดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ 90 ไร่ โดยเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่ทำเป็นจุดพักรถบรรทุกก่อนเข้าเขตศุลกากร ซึ่งอยู่ภายในท่าเทียบเรือแหลมฉบัง ทั้งนี้ จะเป็นการเช่าพื้นที่แบบมีเงื่อนไข และแบ่งผลประโยชน์ให้กับกทท.โดยระหว่างนี้กไลังศึกษารายละเอียดโครงการ เพื่อหารือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ว่าจะสามารถให้เช่าพื้นที่ โดยไม่ต้องดำเนินการในลักษณะเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ได้หรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายปี 2565 และจะเริ่มเปิดประมูลปี 2566 เบื้องต้นตามแผนภายในจุดพักรถบรรทุกจะมีทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ห้องน้ำ และสถานีบริการน้ำมัน ทั้งนี้ คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จสิ่งอำนวยความสะดวกจะเต็มรูปแบบ

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...