ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
อนุทิน สั่ง 3 กระทรวงเตรียมรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น
05 พ.ค. 2565

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 พบว่าช่วง 2 สัปดาห์หลังเทศกาลสงกรานต์การแพร่ระบาดทรงตัวและผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงโดยต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สนับสนุนการเตรียมประเทศเข้าสู่การประกาศโควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic)

ทั้งนี้ นายอนุทิน ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานภายใต้ 3 กระทรวงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการดำเนินงาน วางแนวทางปฏิบัติ ตลอดจนการให้บริการประชาชน นักท่องเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เมื่อโควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น

“การเตรียมการสู่โรคประจำถิ่นขณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเฉพาะของด้านการแพทย์และสาธารณสุข แต่รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายหน่วยงานภายใต้การดูแลทั้งคมนาคมและการท่องเที่ยว ให้เตรียมการแนวปฏิบัติต่าง ๆ ให้พร้อม เพื่อให้การเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและรอบด้าน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในด้านของสาธารณสุข รองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า การเข้าสู่โรคประจำถิ่นจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการที่ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ เพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่กับโควิดที่จะเป็นโรคประจำถิ่นได้ รู้วิธีป้องกันและดูแลตัวเองให้ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่มีความพร้อมขณะนี้ก็ได้เริ่มนำร่องเตรียมการบริหารโควิด19 เป็นโรคประจำถิ่น หรือ Endemic Sandbox เช่น กรณีของกรุงเทพมหานคร ที่มีความพร้อมในหลายด้านทั้งจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่ลดลง การฉีดวัคซีนครอบคลุมสูง กระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีข้อแนะนำสำหรับการจัดการ Endemic Sandbox ในพื้นที่สำคัญ เช่น สวนสาธารณะ ที่มีคนจำนวนมาก ขนส่งสาธารณะ ตลอดจนกิจการที่มีความเสี่ยง โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับการผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ประชาชนปรับตัวให้ช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...