ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สังคม / บุคคล ย้อนกลับ
กกต.ฟันนายกอบจ.ร้อยเอ็ดเอกภาพ พลซื่อ
26 ก.พ. 2565

เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยของ กกต. ให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง นายเอกภาพ พลซื่อ และสั่งให้มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.ร้อยเอ็ดใหม่ แทนนายเอกภาพ ตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง และให้นายเอกภาพ รับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่ง รวมทั้งดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 65 วงเล็บ 5 ประกอบมาตรา 126 ของกฎหมายเดียวกัน

เนื่องจากกกต.เห็นว่า ข้อความที่นายเอกภาพ ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ. เมื่อ 9 ธ.ค.63 ที่โรงเรียนชุมชนบ้านผา ต.เมืองสรวง อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด ว่า “เอาแต่ประโยชน์ทั้งนั้นเลย...หาแต่สิเอาเปอร์เซ็นต์นี้กะดาย..อ่านหาแต่เงินนี้กะดาย” และ “มึงต้องการเปอร์เซ็นต์แม่นบ่ครับ” เป็นกรณีที่นายเอกภาพ มีเจตนากล่าวหานายมังกร ยนต์ตระกูล อดีตนายก อบจ. และเป็นผู้สมัครนายก อบจ. ที่มีแนวคิดเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินทำฝนเทียม ว่าดำเนินการเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งเป็นการกระทำโดยทุจริตเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ค่าตอบแทนแก่ตัวนายมังกร และย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของนายมังกร

รวมทั้งการปราศรัยด้วยข้อความว่า “ก่อนหน้านี้ไปกู้เงินออมสิน 400 กว่าล้านบาท สตง.ตรวจมาแล้วครับว่ามันทุจริต” และแจกเอกสารมีข้อความว่า “อบจ.ร้อยเอ็ด กู้เงินธนาคารออมสิน 410 ล้านบาทปีงบประมาณ 2553 ถึง 2554 สมัยมังกร เป็นนายก อบจ.ร้อยเอ็ด เป็นการกู้เงินที่ไม่ได้รับอนุมัติจากรมว.มหาดไท ยจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมท. อบจ.ร้อยเอ็ดจึงไม่ต้องรับผิดชอบผู้กู้ต้องรับผิดชอบเอง”

ซึ่งกกต.เห็นว่า กรณีดังกล่าว ศาลปกครองอุบลราชธานี ได้มีคำพิพากษาว่าการที่อบจ.ร้อยเอ็ด ทำสัญญากู้เงินปี 54 กับธนาคารออมสินวงเงิน 410 ล้านบาท ถือเป็นการกู้เงินที่ได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย อบจ.ร้อยเอ็ดจึงมีหนี้ผูกพันกับธนาคารออมสิน การที่อบจ.ร้อยเอ็ด ตั้งงบประมาณรายจ่ายจากงบกลางเพื่อชำระหนี้ดอกเบี้ยหรือค่าปรับเงินกู้ธนาคาร 17 ล้านบาทเศษ เพื่อแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและการก่อสร้างสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่นายเอกภาพ อ้าง

นอกจากนี้ การที่นายเอกภาพ ปราศรัยในวันที่ 17 ธ.ค.63 ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด เกี่ยวกับการสร้างอาคาร ห้องน้ำโรงเรียนกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีข้อความว่า “นายกหาแต่เปอร์เซ็นต์ก่อสร้างอาคาร” ซึ่งข้อความดังกล่าวย่อมทำให้วิญญูชนทั่วไปเข้าใจได้ว่า เหตุที่นายมังกร ก่อสร้างอาคารนั้น เพราะต้องการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ จากการก่อสร้างอาคาร และไม่มีมาตรฐานในการก่อสร้างอาคาร ซึ่งย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของนายมังกร

กระทำดังกล่าวทั้งหมดของนายเอกภาพจึงเข้าข่ายปราศรัยหาเสียงโดยมีเจตนาหลอกลวงใส่ร้ายด้วยความเท็จจงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน

ก่อนหน้านี้ กกต. มีคำวินิจฉัยให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครและสิทธิ์รับเลือกตั้งของนายเอกภาพ มาแล้วจากกรณีปราศรัยในการเลือกตั้งอบจ.ล่าสุดกล่าวหาว่า ในการนับคะแนนเลือกตั้งนายกอบจ.ปี 2555 เกิดไฟดับ 2 ชั่วโมง ทำให้คะแนนของนางรัชนี พลซื่อ ภรรยา ซึ่งเป็นผู้สมัครนายก อบจ.ขณะนั้นหาย และพลาดเป็นนายก อบจ. ปี 55 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการยื่นต่อศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา แต่ก็มาถูกกกต.วินิจฉัยความผิดเพิ่มอีกใน 3 ประเด็น

เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยของ กกต. ให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง นายเอกภาพ พลซื่อ และสั่งให้มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.ร้อยเอ็ดใหม่ แทนนายเอกภาพ ตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง และให้นายเอกภาพ รับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่ง รวมทั้งดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 65 วงเล็บ 5 ประกอบมาตรา 126 ของกฎหมายเดียวกัน

เนื่องจากกกต.เห็นว่า ข้อความที่นายเอกภาพ ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ. เมื่อ 9 ธ.ค.63 ที่โรงเรียนชุมชนบ้านผา ต.เมืองสรวง อ.เมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด ว่า “เอาแต่ประโยชน์ทั้งนั้นเลย...หาแต่สิเอาเปอร์เซ็นต์นี้กะดาย..อ่านหาแต่เงินนี้กะดาย” และ “มึงต้องการเปอร์เซ็นต์แม่นบ่ครับ” เป็นกรณีที่นายเอกภาพ มีเจตนากล่าวหานายมังกร ยนต์ตระกูล อดีตนายก อบจ. และเป็นผู้สมัครนายก อบจ. ที่มีแนวคิดเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินทำฝนเทียม ว่าดำเนินการเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งเป็นการกระทำโดยทุจริตเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ค่าตอบแทนแก่ตัวนายมังกร และย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของนายมังกร

รวมทั้งการปราศรัยด้วยข้อความว่า “ก่อนหน้านี้ไปกู้เงินออมสิน 400 กว่าล้านบาท สตง.ตรวจมาแล้วครับว่ามันทุจริต” และแจกเอกสารมีข้อความว่า “อบจ.ร้อยเอ็ด กู้เงินธนาคารออมสิน 410 ล้านบาทปีงบประมาณ 2553 ถึง 2554 สมัยมังกร เป็นนายก อบจ.ร้อยเอ็ด เป็นการกู้เงินที่ไม่ได้รับอนุมัติจากรมว.มหาดไท ยจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมท. อบจ.ร้อยเอ็ดจึงไม่ต้องรับผิดชอบผู้กู้ต้องรับผิดชอบเอง”

ซึ่งกกต.เห็นว่า กรณีดังกล่าว ศาลปกครองอุบลราชธานี ได้มีคำพิพากษาว่าการที่อบจ.ร้อยเอ็ด ทำสัญญากู้เงินปี 54 กับธนาคารออมสินวงเงิน 410 ล้านบาท ถือเป็นการกู้เงินที่ได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย อบจ.ร้อยเอ็ดจึงมีหนี้ผูกพันกับธนาคารออมสิน การที่อบจ.ร้อยเอ็ด ตั้งงบประมาณรายจ่ายจากงบกลางเพื่อชำระหนี้ดอกเบี้ยหรือค่าปรับเงินกู้ธนาคาร 17 ล้านบาทเศษ เพื่อแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและการก่อสร้างสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ จึงไม่ได้เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามที่นายเอกภาพ อ้าง

นอกจากนี้ การที่นายเอกภาพ ปราศรัยในวันที่ 17 ธ.ค.63 ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด เกี่ยวกับการสร้างอาคาร ห้องน้ำโรงเรียนกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีข้อความว่า “นายกหาแต่เปอร์เซ็นต์ก่อสร้างอาคาร” ซึ่งข้อความดังกล่าวย่อมทำให้วิญญูชนทั่วไปเข้าใจได้ว่า เหตุที่นายมังกร ก่อสร้างอาคารนั้น เพราะต้องการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ จากการก่อสร้างอาคาร และไม่มีมาตรฐานในการก่อสร้างอาคาร ซึ่งย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของนายมังกร

กระทำดังกล่าวทั้งหมดของนายเอกภาพจึงเข้าข่ายปราศรัยหาเสียงโดยมีเจตนาหลอกลวงใส่ร้ายด้วยความเท็จจงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตน

ก่อนหน้านี้ กกต. มีคำวินิจฉัยให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครและสิทธิ์รับเลือกตั้งของนายเอกภาพ มาแล้วจากกรณีปราศรัยในการเลือกตั้งอบจ.ล่าสุดกล่าวหาว่า ในการนับคะแนนเลือกตั้งนายกอบจ.ปี 2555 เกิดไฟดับ 2 ชั่วโมง ทำให้คะแนนของนางรัชนี พลซื่อ ภรรยา ซึ่งเป็นผู้สมัครนายก อบจ.ขณะนั้นหาย และพลาดเป็นนายก อบจ. ปี 55 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการยื่นต่อศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณา แต่ก็มาถูกกกต.วินิจฉัยความผิดเพิ่มอีกใน 3 ประเด็น

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...