ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สังคม / บุคคล ย้อนกลับ
กรมอุทยานฯ ยกระดับการปราบปราม จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ 12 ชุด 140 นาย ปกป้องผืนป่าตะวันตก หลังจับแก๊งนายพรานล่าเสือโคร่ง
14 ม.ค. 2565

ตามนโยบาย "ทส. เป็นหนึ่งเดียว" และ"ทส. ยกกำลัง X" ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้บูรณาการการทำงานเป็นหนึ่งเดียว ใกล้ชิดประชาชน และพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ ไร้ขีดจำกัด เพื่อประโยชน์ และความสุขของพี่น้องประชาชน ข้อสั่งการของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ยกระดับการปฏิบัติการในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และล่าสัตว์ป่าอย่างเข้มข้นและเด็ดขาด

สืบเนื่องด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 14 มกราคม ของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ ประกอบกับมีเหตุการณ์แก๊งนายพราน 5 คน ล่าเสือโคร่ง 2 ตัว ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

ล่าสุดวันนี้ 14 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และ นายสันติ ศิริเลิศ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร ได้ทำการปล่อยชุดปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 12 ชุด เจ้าหน้าที่ 140 นาย เพื่อยกระดับการปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ และล่าสัตว์ป่าอย่างเข้มข้น ตามคำสั่งสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ที่ 6/2565 โดยเพิ่มอำนาจหน้าที่ ให้ชุดปฏิบัติการพิเศษ ทั้ง12 ชุด เจ้าหน้าที่ จำนวน 140 นาย สามารถออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ในเขตรับผิดชอบของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้ทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร  โดยเฉพาะโซนป่าตะวันตก ในจังหวัดกาญจนบุรี ให้ปฏิบัติการอย่างเข็มข้นเป็นพิเศษ  และหากพบการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ซึ่งหน้า สามารถดำเนินการจับกุมและกล่าวโทษได้ทุกพื้นที่ โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานใด

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ชุดปฏิบัติการพิเศษ 12 ชุดดังกล่าว เป็นเจ้าหน้าที่สังกัดส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร จำนวน 140 นาย ซึ่งประกอบไปด้วย 1.สายตรวจปราบปรามฯ สายที่ 1, 2.สายตรวจปราบปรามฯสายที่ 2, 3.ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่า ที่ 1 (พุน้ำร้อน), 4.ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่า ที่ 2 (โป่งพรม), 5.ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่า ที่ 3 (ตากแดด), 6.ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่า ที่ 4 (ห้วยไทร), 7.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.6 (พุเตย), 8.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.13 (แสวงบ่า), 9.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.16 (ห้วยแม่พลู), 10.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.18 (วังเกียง), 11.ฐานปฏิบัติการรักษาป่าที่ กจ.1 (ไทรทอง) และ12.ฐานปฏิบัติการรักษาป่าที่ กจ.2 (พุถ่อง) มาสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และวนอุทยานแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นๆ ใน 6 จังหวัดดังกล่าว โดยเฉพาะโซนป่าตะวันตกจังหวัดกาญจนบุรีให้สนับสนุนการปฏิบัติงานเป็นพิเศษ
 
ซึ่งหากประชาชนท่านใดมีเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับ การบุกรุก ตัดไม้ทำลายป่า หรือล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ 6 จังหวัดดังกล่าว โปรดแจ้งเบาะแสมายัง นายสันติ ศิริเลิศ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร เบอร์โทร 0819836461 และหากจับตัวผู้กระทำผิดได้ จะได้รับเงินสินบนรางวัลนำจับจากเงินกองทุนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 (บ้านโป่ง) คดีละ 2 พันบาท โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ผู้แจ้งเบาะแสทันทีหลังจากจับตัวผู้กระทำผิดได้ และจะปกปิดข้อมูลเป็นความลับ รวมถึงรับรองความปลอดภัยให้กับผู้แจ้งเบาะแส นอกจากนี้ยังจะได้รับเงินสินบนรางวัลจากศาลตามระเบียบกรมอุทยาน ฯ ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พ.ศ.2548 โดยผู้แจ้งเบาะแส และเจ้าหน้าที่ผู้จับจะได้รับเงิน จำนวน 60% ของค่าปรับจากจำเลย  เมื่อจำเลยจ่ายค่าปรับให้ศาล และคดีถึงที่สุด 

ทั้งนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้จ่ายเงินกองทุนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จำนวน 83 คดี คดีละ 2 พันบาท ให้กับผู้แจ้งเบาะแส รวมเป็นจำนวนเงิน 166,000 บาท และจ่ายเงินรางวัลตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติฯดังกล่าว จำนวน 35 คดี ให้กับผู้แจ้งเบาะแส และเจ้าหน้าที่ผู้จับ รวมเป็นจำนวนเงิน 398,047.20 บาท

 

ทีมข่าวกาญจนบุรี

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...