ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนที่โรบินสันกาญจนบุรี บริเวณชั้น 2 หน้าศูนย์อาหาร
12 ม.ค. 2565

สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนที่โรบินสันกาญจนบุรี  บริเวณชั้น 2 หน้าศูนย์อาหาร เริ่มอีกครั้ง 11 มกราคม – 31 มีนาคม 2565ส่วน สคร. 5 ราชบุรี แนะประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ป้องกันโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ 

เริ่มแล้วเชิญชวนประชาชน นายแพทย์ชาติชาย  กิติยานันท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนที่โรบินสันกาญจนบุรี  บริเวณชั้น 2 หน้าศูนย์อาหาร เริ่มอีกครั้ง 11 มกราคม – 31 มีนาคม 2565 พร้อมด้วยนายแพทย์ประวัติ  กิจธรรมกูลนิจ  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ทีมบุคลากรการแพทย์/สาธารณสุขและผู้เกี่ยวข้องโดยมี คุณโชคาวิชญ์ วสุวิรักษ์โชติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์กาญจนบุรี คุณเอนก จินดาหลวง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT กาญจนบุรี และคณะร่วมกิจกรรมรณรงค์ดังกล่าว

วันนี้ 12 ม.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์การค้าโรบินสันกาญจนบุรี  นายแพทย์ชาติชาย  กิติยานันท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) เพื่อชะลอการระบาด บรรเทาผลกระทบให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งเป็น Blue Zone พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวยิ่งทำให้ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น จัดทำแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ทุกสัปดาห์  มีการติดตามผลการดำเนินงานเรื่องวัคซีนในทุกพื้นที่ 13 อำเภอทุกวัน การบริหารจัดการวัคซีนทุกสูตรตามหลักวิชาการ คำนึงถึงวันหมดอายุของวัคซีน เร่งฉีดโดยเร็วก่อนวัคซีนหมดอายุ และบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้น ให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุกในประชากรทั้งสัญชาติไทยและมิใช่สัญชาติไทย รวมทั้งการบริหารจัดการวัคซีนคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยจังหวัดกาญจนบุรี จะมีการเปิดศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนเพิ่มนอกเหนือจากโรงพยาบาลทุกแห่งยังมีศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนอีกหลายแห่ง ดังนี้
 1.โรบินสันกาญจนบุรี  บริเวณชั้น 2 หน้าศูนย์อาหาร เริ่มอีกครั้ง 11 มค 2565
 2.โลตัส กาญจนบุรี  บริเวณ ร้านกาแฟอเมซอน  เริ่ม 4 มค 2565
 3.บิ๊กซี กาญจนบุรี  บริเวณโถงด้านหน้า   เริ่ม 4 มค 2565
 4.TMK กาญจนบุรี  บริเวณชั้น 2 หน้าโรงภาพยนตร์  เริ่ม 4 มค 2565
 5.ร้านของฝากศรีฟ้า ท่าม่วง  เริ่ม 5 มค 2565
 6.ห้างกนกกาญจน์  บริเวณชั้น 3  เริ่ม 4 มค 2565

วัคซีนหลักจะเป็นแอสตร้าเซเนก้า และไฟเซอร์ โดยให้บริการทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างด้าว ไม่จำเป็นต้องเป็นมีทะเบียนบ้านในกาญจนบุรี ซึ่งเป็นบริการดีๆจากใจสาธารณสุขกาญจนบุรีตั้งใจมอบให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงวัคซีนได้ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด สบายที่สุด สถานที่ฉีดวัคซีนทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยเรื้อรัง ยิ่งจำเป็นต้องฉีด เพราะถ้าท่านได้รับเชื้อจะมีความเสี่ยง มีโอกาสป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้  เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ตัวท่าน หยุดความรุนแรงและการสูญเสียด้วยการฉีดวัคซีน

นอกจากเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเต็มที่ ร่วมกับมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID-Free Setting) ที่สำคัญขอความร่วมมือประชาชนทุกคนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด (Universal Prevention) ได้แก่ ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก 100 % ตลอดเวลาเมื่ออยู่ที่สาธารณะ อย่าใช้มือสัมผัสหน้ากาก ใบหน้า ตา จมูก ปาก ล้างมือหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ แยกของใช้ส่วนตัว กินอาหารปรุงสุกใหม่ แยกสำรับ ใช้ช้อนส่วนตัว ระมัดระวังเมื่อไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์และการรับประทานอาหารร่วมกัน หลีกเลี่ยงสถานที่รวมตัวกันของคนหมู่มาก การเดินทางไปสถานที่ต่างๆด้วยความระมัดระวัง เลือกร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นระบบเปิด อากาศถ่ายเทสะดวก คนไม่แออัด  ขอให้สังเกตอาการ หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยง ทั้งคนในครอบครัวและคนรู้จัก และช่วงกลับมาทำงานหลังเทศกาลปีใหม่อาจมีการระบาดมากขึ้น ทั้งนี้ หากสงสัยว่าตนเองเสี่ยงควรตรวจ ATK เพื่อให้รู้ผลเร็ว และเข้าสู่ระบบควบคุมป้องกันโรคได้เร็ว ลดการแพร่เชื้อในชุมชน

และฝากเตือนประชาชน สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กรมควบคุมโรค แนะประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ป้องกันโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง และโรคอาหารเป็นพิษ หากมีอาการปวดท้องรุนแรง ถ่ายเหลว หรืออุจจาระเป็นมูกปนเลือด กระหายน้ำมากกว่าปกติ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

แพทย์หญิงรพีพรรณ โพธิ์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ช่วงนี้ประเทศไทยเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้น อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง และโรคอาหารเป็นพิษ กรมควบคุมโรค จึงขอให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ อาหารค้างมื้อควรนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทาน เลือกซื้อน้ำดื่ม น้ำแข็งที่สะอาดได้มาตรฐานล้างวัตถุดิบให้สะอาดก่อนนำมาปรุงประกอบอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว พยาธิฯ เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ถ่ายเหลวตั้งแต่ 3 ครั้งต่อวัน อุจจาระมีเลือดปน คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ในบางรายที่อาการรุนแรง จนเกิดภาวะขาดน้ำ เช่น คอแห้ง ปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อยทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้

สคร.5 ราชบุรี ขอแนะนำให้ประชาชนเลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ โดยขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ อาหารที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมง ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนรับประทานทุกครั้ง เลือกบริโภคอาหาร น้ำดื่ม และน้ำแข็งที่สะอาดได้มาตรฐาน ไม่รับประทานอาหารที่ปรุงจากสัตว์หรือพืชที่มีพิษ เลือกซื้อวัตถุดิบที่สด สะอาดและมีคุณภาพ ควรใช้   ช้อนกลางส่วนตัวเมื่อรับประทานร่วมกัน เพื่อป้องกันโรคโควิด 19 และก่อนหยิบจับหรือรับประทานอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง สำหรับผู้ประกอบอาหารต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและปรุงอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ เช่น ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนเตรียมและปรุงอาหาร ล้างวัตถุดิบ ภาชนะและอุปกรณ์ให้สะอาด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย สวมหมวกคลุมผม ไม่ปฏิบัติงานขณะป่วยเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรคในอาหารและน้ำไปสู่ผู้บริโภคได้

แพทย์หญิงรพีพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประชาชนที่มีอาการป่วยข้างต้น สามารถช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยให้ผู้ป่วยจิบน้ำผสมสารละลายเกลือแร่ (ORS) บ่อยๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ และควรรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย หากอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ หากต้องการใช้ยาปฏิชีวนะ ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี เบอร์ติดต่อ 032310804 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 แพทย์หญิงรพีพรรณ กล่าวปิดท้าย

ทีมข่าวกาญจนบุรี

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...