ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
อลงกรณ์-เฉลิมชัย พร้อมเป็นธุระประกันรายได้ชาวนา
18 พ.ย. 2564
อลงกรณ์เผยเฉลิมชัยพร้อมเร่งปฏิรูปข้าวสร้างศักยภาพใหม่ ย้ำเป็นนโยบายเรือธงของประชาธิปัตย์ 2 ปี สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 1 ล้านล้านบาท

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าววันนี้ว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็น1ใน5พืชเศรษฐกิจหลักภายใต้นโยบายประกันรายได้เกษตรกรได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยืนยันว่าไม่ใช่ภาระแต่เป็นธุระของรัฐบาลในการบริหารนโยบาลให้สำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นโครงการที่เกษตรกรพึงพอใจมากที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาลเพราะสามารถสร้างหลักประกันรายได้ (Universal basic income) จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในช่วงที่เกิดความผันผวนของราคาผลผลิตทางการเกษตรจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด19ที่ทำให้เศรษฐกิจวิกฤตไปทั่วโลก ถือเป็นนโยบายเรือธง (Flagship policy) ของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล โครงการประกันรายได้ชาวนาเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์แห่งอนาคตในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition period) ของการปฏิรูปภาคเกษตรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี (2563-2567) ที่เริ่มมาแล้วตั้งแต่ปี 2563 ขับเคลื่อนด้วย 4 ยุทธศาสตร์ตั้งแต่ต้นน้ำการผลิตมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนพัฒนาพันธุ์สร้างมาตรฐานเชื่อมโยง”กลางน้ำ”การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มและ”ปลายน้ำคือการตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ทั้งตลาดในและต่างประเทศตามโมเดลเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้ได้ช่วยพัฒนาฐานะและชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและครอบครัวเกือบ30ล้านคนเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีแรงงานและการจ้างงานมากที่สุดซึ่งเป็นฐานรากสำคัญที่สุดของประเทศ ทำให้สามารถรักษาการผลิตสินค้าเกษตรสร้างรายได้ในการส่งออกให้กับประเทศของเราจนเป็นอันดับต้นของสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากมองในมุมของการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการนำรายได้เข้าประเทศในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่และภาคบริการเช่นการท่องเที่ยวมีตัวเลขการส่งออกที่ลดลง ประการสำคัญคือเงินประกันรายได้ที่เกษตรกรได้รับเกิดจากการทำงานแบบหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินจากหยาดเหงื่อแรงกาย ไม่ใช่การแจกจ่ายแบบให้เปล่า (Free rider) จำนวนหลายแสนล้านบาทเหมือนโครงการอื่นๆ ของรัฐ

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ภาคเกษตรในรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ กำลังนำภาคเกษตรกรรมเข้าสู่มิติใหม่โดยเฉพาะเกษตรอัจฉริยะแนวทางเกษตรแม่นยำ(Precision Agriculture)ที่ใช้บิ๊กดาต้า (Big Data) และดิจิตอลเทคโนโลยี (Digital Technology) รวมถึงการทำเกษตรแปลงใหญ่ซึ่งพัฒนาขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 5,000 แปลง รวมพื้นที่กว่า 6 ล้านไร่ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเกษตรและประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืนเน้นการบูรณาการความร่วมมือทำงานเชิงรุกกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรด้วยการสร้างกลไกเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อขับเคลื่อนด้วยแนวทางใหม่ๆ ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตร

1. ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต

2. ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 เพื่อการบริหารราชการแผ่นดินการบริการประชาชนและการพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยการใช้เทคโนโลยีตลอดห่วงโซ่อุปทานและมูลค่า (Supply-Value Chain) ตั้งแต่การผลิต การแปรรูปจนถึงการตลาด

3. ยุทธศาสตร์ 3S เกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง เกษตรยั่งยืน (Safety-Security-Sustainability)

4.ยุทธศาสตร์บูรณาการเชิงรุก

5.ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืน (Sustainable Agriculture) ภายใต้แนวทางศาสตร์พระราชา

“ในขณะที่เราประกันรายได้ชาวนา อีกด้านหนึ่ง เราก็เร่งปฏิรูปข้าวครบวงจรทั้งระบบ วันนี้นิคมอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียนของเรากำลังสร้างในเขตผลิตข้าวลุ่มเจ้าพระยา เราตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (ศูนย์AIC) 77 จังหวัด คิกออฟพร้อมกันทั่วประเทศมาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาสร้างนวัตกรรมใหม่ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯรวมทั้งการพัฒนา 12 พันธุ์ข้าว ตอบโจทต์ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เราจะย่ำเท้าอยู่กับที่ปล่อยให้ปัญหาจมปลักอยู่ที่เดิม ชาวนาต้องติดหล่มความยากจนและหนั้สินเหมือนในอดีตอีกต่อไปไม่ได้ “ นายอลงกรณ์ กล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...