ต้องยอมรับว่า ใครสักคนกว่าจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. ได้นั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะนอกจากจะต้องเป็นคนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้างของประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ แล้ว การอุทิศตนทำประโยชน์ การผลักดันให้เกิดการพัฒนาแก่ท้องถิ่น รวมถึงการเอาใจใส่ดูแลสาระทุกข์สุขดิบให้แก่ประชาชน และโดยเฉพาะการเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชนเมื่อเกิดปัญหา สิ่งเหล่านี้บุคคลผู้นั้นยังจะต้องทุ่มเทปฏิบัติบัติมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ใจกับประชาชน เพราะท้ายสุดแล้ว เมื่อบุคคลผู้นั้นได้รับการเลือกตั้ง เขาก็คือตัวแทนของประชาชนที่จะเข้าไปร่วมนั่งถก นั่งพิจารณาออกกฎหมาย แก้ไขปัญหา ให้กับประชาชนในสภาอันทรงเกียรตินั่นเอง

อย่างไรก็ตาม จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ครั้งล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 จำนวน 500 คน ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 เราได้ ส.ส.หน้าใหม่เข้ามาสู่สภาฯ เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งแน่นอนอย่างที่กล่าวข้างต้น ส.ส.หน้าใหม่เหล่านี้ ต้องผ่านการคัดกรองของสังคมมาแล้วค่อนข้างสูง ซึ่ง 1 ในนั้น ที่ อปท.นิวส์เชิญเป็นแขกจะขอนำท่านผู้อ่านมารู้จักกันในฉบับนี้ก็คือ อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ ส.ส.จังหวัดศรีสะเกษ เขต 7 พรรคภูมิใจไทยซี่งชื่อนี้ได้รับกล่าวขานในหน้าหนังสือพิมพ์ไปทั่วจากกรณีใช้ตำแหน่งขอประกันตัวหญิงลูก 4 ชาวจังหวัดศรีษะเกษ วัย 35 ปี ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เพื่อไปเลี้ยงลูก

อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ หรือ “ส.ส.แนน”เกิดเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2521 เป็นบุตรของ มงคลพัฒน์ สรรณ์ไตรภพ นักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งตระกูลเป็นนักธุรกิจโรงสีข้าว เริ่มทำงานการเมืองท้องถิ่นโดยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับเลือกตั้ง 2 สมัย ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ (วิชิต ไตรสรณกุล) กระทั่งในปี 2562 เขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย และลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ เขต 7 เอาชนะ มานพ จรัสดำรงนิตย์ อดีต ส.ส.หลายสมัยจากพรรคเพื่อไทย ไปได้อย่างคาดไม่ถึง

นอกจากนี้ “ส.ส.แนน” ยังได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด และรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 25 ด้วย เป็นกรรมการวิปรัฐบาลซึ่งเป็นอีกหนึ่ง ส.ส.รุ่นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน

ส.ส.แนน เริ่มเล่าให้เราฟังว่า ตัวเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปริญญาโท วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต (วิศวกรรมโยธา) มหาวิทยาลัยฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา(Construction Enjineering and Mangement, University of Florida)

“ผมถูกเสนอทุนให้เรียนต่อปริญญาเอก และคิดว่าจะเป็นอาจารย์ที่อเมริกาต่อเลย แต่เมื่อได้ปรึกษากับทางคุณพ่อคุณแม่ พวกเขาอยากให้กลับบ้าน เพราะชีวิตส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่กับท่านมากนัก เพราะบ้านอยู่ศรีสะเกษ และได้ไปเรียนประถมและมัธยมที่โคราช เลยไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ซึ่งจากได้เรียนจบที่มหาลัยขอนแก่นก็ไปต่อที่อเมริกาเลย จากการที่ไม่ค่อยได้อยู่กับพวกท่านมากนักและเขาต้องการให้กลับไปช่วยเหลือธุรกิจที่บ้านจึงได้กลับมา”

            “อย่างไรก็ตาม ตอนที่กลับมานั้นคุณพ่อเป็นนักการเมืองระดับจังหวัด พอถึงเวลาเลือกตั้ง ส.ส. ท่านจะลาออกมาลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรค ส่วนผมเองก็มาลงเล่นการเมืองระดับจังหวัดเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ก่อนได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งก็เป็นการลงสมัคร ส.ส.รอบแรกกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นพรรคที่ให้โอกาสผม”

                ส.ส.แนน เล่าให้ฟังถึงมุมมองในแง่ของคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศสหรัฐอเมริกาเทียบกับประเทศไทยว่า อเมริกาจะมีความได้เปรียบเนื่องจากเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ขณะที่ประเทศไทยยังต้องพัฒนาสิ่งสำคัญคือด้านภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ซึ่งถือเป็นภาษาสากลของโลก แต่เนื่องจากปัจจุบันก็มีสื่อหลากหลาย ทำให้ง่ายต่อการศึกษาหาความรู้ และหากเยาวชนสามารถเพิ่มทักษะด้านภาษาให้เข้มแข็งได้ ก็จะเป็นโอกาสที่จะเข้าถึงงานต่างๆ หรือข้อมูลต่างๆ ได้มากขึ้น ส่งผลให้คุณภาพชีวิตในภาพรวมอาจจะดีขึ้นได้ตามไปด้วย

ซึ่งนั่นเมื่อเขาได้มาเล่นการเมืองท้องถิ่นและได้หาเสียง จึงได้พยายามแสดงความเห็นที่อยากจะแก้ไขและอยากช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชน ทั้งด้านคมนาคม เรื่องระบบชลประทาน รวมไปถึงการขอฝนเทียมเพื่อช่วยเหลือภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ซึ่งแน่นอนว่าการที่ได้มายืนอยู่จุดนี้ จึงทำให้เห็นปัญหาของประชาชนได้ชัดมากขึ้น

“เช่น โรคระบาดลัมปี สกิน ที่มีอยู่ในวัว ควาย ที่ส่งผลให้วัว ควาย ที่เลี้ยงนั้นล้มตายจำนวนมาก ผมจึงได้ไปพูดให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งอยู่พรรคภูมิใจไทยให้ทราบ จึงได้มอบน้ำยากำจัดภาหะนำโรค รวมถึงเราได้ติดต่อไปที่สภาฯ เพื่อให้กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ โดยเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทางคณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติ 100 กว่าล้านบาท นี้คือสิ่งที่เราช่วยกัน”

ทั้งนี้โรคลัมปี สกิน เป็นโรคอุบัติใหม่ในโคกระบือ พบระบาดจากประเทศเพื่อนบ้าน มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส Lumpy skin disease virus เป็นโรคที่เกิดเฉพาะในโค กระบือ ไม่เป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน อัตราการป่วยมากกว่า 5% โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้ก่อโรคตามอวัยวะที่มีเซลล์เยื่อบุ พบตุ่มเนื้อบนผิวหนังและเยื่อเมือกทั่วร่างกาย ซึ่งต่อมาจะตกสะเก็ดและเป็นแผลหลุม สัตว์อาจมีไข้และหายใจลำบากร่วมด้วย โดยในโคนมอาจพบน้ำนมลดลง 25-65% โดยมีพาหะ โรคลัมปี สกิน มีแมลงดูดเลือดเช่น เห็บ แมลงวันดูดเลือด และยุงเป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสสัตว์ป่วยโดยตรง ผ่านทางน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ที่เป็นโรค หรือผ่านทางรกได้นับเป็นการระบาดที่เกิดขึ้นครั้งแรกในไทย ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการระบาดวิกฤติหนักในพื้นที่ 41 จังหวัด ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ มีสัตว์ป่วยแล้ว 22,112 ตัว ส่วนตัวเลขตายสะสม ไม่ชัดเจน เบื้องต้นอยู่ที่ 53 ตัว หรืออาจมากกว่านี้ส.ส.แนนอธิบาย

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ “ส.ส.แนน” ก็ได้ให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวก ในการจัดทีมงานไปบริการอาหารเครื่องดื่ม ทั้งคนที่มาฉีดวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์และ อสม. และหากประชาชนเดือดร้อนก็เข้าไปช่วย รวมถึงคนที่เดินทางต่างถิ่นและมีการติดโควิด-19ก็จะนำอาหารและน้ำดื่มไปช่วยผู้ป่วยหรือผู้มาจากจังหวัดเสี่ยงแล้วต้องกักตัว 14 วัน เพื่อไม่ให้เขาต้องออกมาบริเวณบ้านเขา

จากหน้าที่ที่ต้องแบกรับ ก็เห็นชัดแล้วว่ามีความตรึงเครียดและภาระที่สร้างแรงกดดันมากมาย ดังนั้นการหาวิธีผ่อนคลายจากปัญหาต่างๆ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ โดยสำหรับการคลายเครียด ส.ส.แนนนั้น เขาเล่าให้ฟังว่ากจะใช้เวลาส่วนตัวในการฟังเพลงและดูหนัง เช่น ดูหนังเน็ต ฟิก หรือ ซีรีย์ ต่างๆ รวมไปถึงเล่นโซเซียลต่างๆ อาทิ ดู tik tokเป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังได้มีการออกกำลังกายด้วยการวิ่งที่ไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว แต่ยังทำให้ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและคิดทบวทวนอะไรต่างๆ ได้มากขึ้น

ส่วนธุรกิจทางครอบครัว ส.ส.แนน บอกว่า ที่บ้านทำธุรกิจ 2 กลุ่ม ได้แก่ โรงสีกับรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจที่ตกทอดมาจากคุณพ่อคุณแม่ โดยโรงสีจะเป็นน้องชาย คณะที่รับเหมาก่อสร้างก็มีน้องสาวเป็นคนดูแล ส่วน ส.ส. แนน จะไม่ค่อยได้ยุ่งอะไรมากแล้ว เนื่องจากต้องการทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เพื่อวันหนึ่งหากเราหยุดเล่น ก็จะเป็นแนวทางให้คนรุ่นใหม่มาทำให้ดีกว่าที่ตนเคยทำ ส.ส.แนน กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด